วช. ร่วมกับ จุฬาฯ จัดเวทีที่ 3 ระดมความเห็น วางแผนรับมือสถานการณ์น้ำท่วม น้ำแล้ง จังหวัดลพบุรี

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผอ.การสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) กล่าวหลัง นำผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้นำชุมชนแต่ละตำบล ร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และระดมความเห็น ณ พื้นที่อบต.หนองผักแว่น และอบน.ซับจำปา อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี ว่า การจัดเวทีระดมความคิดเห็นจากกลุ่มผู้ใช้น้ำนี้เป็นเวทีที่ 3 (ภาคกลาง)ต่อเนื่องจากภาคเหนือ จ.น่าน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น เพื่อวางแผนบริหารจัดการน้ำท่วม น้ำแล้ง และกระบวนการจัดเก็บข้อมูลแบบมีส่วนร่วมผ่านระบบแอปพลิเคชัน ที่ดำเนินโครงการโดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้“โครงการแนวทางการพัฒนากลุ่มผู้ใช้น้ำระดับชุมชนในการวางแผนการบริหารจัดการน้ำระดับพื้นที่แบบมีส่วนร่วม”

โดยมี นายชิษนุวัฒน์  มณีศรีขำ  เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย มุ่งหวังให้เกิดแนวทางการจัดตั้งและพัฒนาองค์กรผู้ใช้น้ำให้มีความสามารถในการบริหารจัดการน้ำในระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมใน 33 ตำบล  5 ภูมิภาค ครอบคลุม 15 จังหวัด สรุปและประมวลการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดย รศ.ดร.เจษฎา แก้วกัลยา ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กนช. และ รศ.ดร.สุจริต  คูณธนกุลวงศ์ ประธานแผนงานวิจัยเข็มมุ่งด้านบริหารจัดการน้ำวช.https://www.youtube.com/embed/FK1l9u1deoI?feature=oembed

ผอ.วช  กล่าวเพิ่มเติมว่า วช. หวังว่าจะสามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นในอนาคต ช่วยเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ ในการขับเคลื่อนการบริหารทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน จึงได้สนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยี การพัฒนาระบบข้อมูลน้ำชุมชนผ่านระบบ DATA STUDIO เพื่อสนับสนุนการทำข้อมูล TWR ในการบริหารจัดการน้ำชุมชนผ่านองค์กรผู้ใช้น้ำและเกิดแผนการจัดการน้ำชุมชนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ (ปี 58 – 69) ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ร่วมกับภาคประชาชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีการพัฒนาศักยภาพในการเก็บข้อมูลชุมชนแบบมีส่วนร่วมโดยการใช้แอปพลิเคชันในการจัดเก็บข้อมูลแหล่งต้นทุนน้ำของชุมชนเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาและถ่ายทอดการบริหารทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ ซึ่งนับว่าเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญของนวัตกรรมภายใต้การบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้มีความมั่นคง และยั่งยืนในอนาคต

ด้าน รศ.ดร.สุจริต  กล่าวว่า วช.ได้สนับสนุนทุนวิจัยเรื่องการบริหารจัดการน้ำที่เน้นให้ทุกภาคส่วนของสังคมรู้ถึงคุณค่าของน้ำ โดยแผนงานวิจัยเข็มมุ่งดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องเรื่องของการยกระดับศักยภาพของกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ จะเห็นว่ากลุ่มผู้ใช้น้ำจะต้องรวมตัวกันสร้างความเข้าใจและดูปริมาณน้ำในพื้นที่มีเพียงพอกับความต้องการหรือไม่ ให้ใช้น้ำในพื้นที่ให้เต็มที่เป็นโครงการแผนงานของ วช. บางโครงการชาวบ้านดูแล บางโครงการก็เป็นหน้าที่ของ อบต. ในส่วนนี้ถ้ามีฐานข้อมูลและโอกาสที่เหมาะสมก็ทำโครงการได้โดยใช้หลักการทางวิชาการ เพราะฉะนั้นในโครงการวิจัยต้องการให้ 1.องค์กรผู้ใช้น้ำแข็งแรง 2.หน่วยงานสนับสนุน เช่น มหาวิทยาลัยในพื้นที่ดูแลกันได้ในระยะยาว

3.เชื่อมโยงระหว่างกลุ่มผู้นำชุมชนกับ อบต. หน่วยงานจังหวัด ขณะนี้จะเห็นว่าโครงการวิจัยกำลังเชื่อมโยงว่าผู้ใช้น้ำไปจดทะเบียน มีกรรมการผู้ใช้น้ำเชื่อมโยงกับ อบต. อันนี้คือเป็นระบบหนึ่งที่สร้างขึ้นมา และให้เกิดการบูรณาการ ส่วนบนที่กรุงเทพมหานคร เป็นผู้กำหนดบทบาทชัดเจนว่าแต่ละหน่วยงานทำอะไร ส่วนล่างก็ต้องร่วมมือในแต่ละจังหวัด จะเห็นว่ากระบวนการที่ทำอย่างน้อย 3 โครงการจะรู้แล้วว่ารวมกลุ่มอย่างไร เริ่มวางแผนเก็บข้อมูล ทำเป็น studio data ซึ่งเป็นระบบที่สามารถนำไปใช้ได้ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะใช้การสำรวจข้อมูลที่ไม่ลงรายละเอียด ทำให้ดำเนินการไม่ตรงกับความต้องการของประชาชนผู้ใช้น้ำ แนวทางวางแผนระยะสั้น กลาง ยาว ไปสู่ระบบที่ชัดเจน สื่อมวลชนจะเห็นการดำเนินงานวางแผนที่ผ่านมาในสองภูมิภาค ทางเหนือก็จะเป็นฝายมากกว่า ทางอีสานก็เป็นสระ ภาคกลางก็จะเป็นบึง ทางใต้ก็ลงทะเลแล้วก็จะเป็นฝายแล้วก็มีบ่อเก็บ แต่ละภูมิภาคไม่เหมือนกัน เรามีอยู่ประมาณ 7,000 กว่าตำบล ดำเนินการ 33 ตำบล ใน 5 ภูมิภาคก่อน ระยะยาวต้องทำ 8,000 ตำบล อยู่ระหว่างที่จะต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไร แนวคิดแต่ละลุ่มน้ำจะดำเนินการโดยเครื่องมือนี้ต้องเป็นระบบที่ข้อมูลต้องแยกกันได้แต่ละพื้นที่ที่สามารถเข้าใช้งานได้สะดวก

ขณะที่ นายชิษนุวัฒน์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาและการวางแผนบริหารจัดการน้ำไม่ตรงกับความต้องการของคนในพื้นที่ พื้นที่นอกเขตชลประทานการใช้น้ำของคนในชุมชนส่วนใหญ่ยังขาดการรวมกลุ่มเพื่อร่วมกันบริหารจัดการที่เป็นระบบ ไม่มีกระบวนการหรือรูปแบบการดำเนินการที่เหมาะสม ขาดการจัดเก็บข้อมูลและขาดการมีส่วนร่วมในชุมชนในการวิเคราะห์และวางแผนการบริหารการจัดการน้ำของกลุ่มชุมชน นำไปสู่แนวทางการพัฒนากลุ่มองค์กรผู้ใช้น้ำเพื่อเพิ่มความสามารถในการวางแผนการบริหารจัดการน้ำการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยผ่านระบบแอปพลิเคชันข้อมูลน้ำชุมชน DATA STUDIO แผนน้ำชุมชน เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาท้องถิ่น โดยขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมใน  15 จังหวัด ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยและศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค

โดยพื้นที่อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี เป็นพื้นที่ราบสูงมีภูเขาส่วนหนึ่ง พื้นที่เป็นดินร่วนปนเหนียวมีความสมบูรณ์ค่อนข้างสูง เป็นแหล่งน้ำลำธาร ได้แก่ น้ำซับในป่าจำปีสิรินธร ซึ่งเหมาะแก่การฟื้นฟู และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ชาวบ้านประกอบอาชีพด้านการเกษตร เช่น ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ฯลฯ เป็นอาชีพหลัก แหล่งน้ำส่วนมากเป็นแหล่งน้ำที่สร้างขึ้นอยู่ในเขตป่าสงวน  ชาวบ้านจะใช้น้ำเพื่อการเกษตรจากน้ำใต้ดิน โครงการจึงได้สนับสนุนการทำธนาคารน้ำใต้ดิน และฝายกั้นน้ำ เพื่อให้เกษตรกรได้มีน้ำใช้ในช่วงฤดูการเพาะปลูก หรือมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการเสวนามีผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้นำแต่ละตำบล ได้นำเสนอข้อคิดเห็นต่าง ๆ เพื่อพัฒนากลุ่มองค์กรผู้ใช้น้ำการจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบ DATA STUDIO  เพื่อกักเก็บน้ำและบริหารจัดการน้ำในอนาคต กลไกความร่วมมือของเครือข่าย ชุมชน เครือข่ายวิชาการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการพัฒนางานวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลโดยพัฒนาเชื่อมโยงฐานข้อมูลทรัพยากรน้ำและการสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำในระดับชุมชน ส่งเสริมให้คนในชุมชนมีจิตสำนึกที่ดีในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าส่งผลให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน