นายกฯ สั่งเร่งขับเคลื่อนพัฒนาระบบ Al ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

นายกฯ สั่งเดินหน้าพัฒนาประเทศด้วย AI สร้างคน เทคโนโลยี การเติบโตทางสังคมและเศรษฐกิจ มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ภายในปี 2570

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2565 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) ครั้งที่ 1/2565 ร่วมกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ด้วยการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีและนวัตกรรม

รวมทั้งพัฒนาทักษะของบุคลากรภายในประเทศ บูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ให้การขับเคลื่อนการพัฒนาบรรลุผลและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนมุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) โดยความสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งประเทศไทยและทั่วโลกต่างให้ความสำคัญอย่างมากเนื่องจากขณะนี้โลกกำลังขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ประเทศไทยและทุกคนจึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนต่างๆ ที่กำหนดไว้ ซึ่งเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นเรื่องใหม่ที่ภาครัฐต้องเร่งศึกษาและประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทยในระยะต่อไป โดยเฉพาะการนำไปขับเคลื่อน Next Generation Growth ตามอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานภาครัฐ

ทั้งนี้ ในลำดับแรกภาครัฐและเอกชนควรให้ความสำคัญกับการสร้างบุคคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจ AI ในสาขาต่างๆ ที่ตรงตามความต้องการของภาคเอกชน ตลอดจนสร้างระบบการรับรองคุณวุฒิของบุคลากรที่เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและสากล นอกจากนี้ ภาครัฐต้องเน้นการสร้างสภาพแวดล้อม (Eco System) ที่เอื้ออำนวยให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่องและไม่เกิดการปิดกั้นทางความคิด รวมถึงการออกกฎหมายหรือระเบียบเพื่อกำกับดูแล

โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องศึกษาความต้องการ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ผลกระทบของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการอย่างรอบคอบ เพื่อให้กฎระเบียบเอื้อต่อการส่งเสริมสนับสนุนการสร้าง Eco System ที่เหมาะสมต่อการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์และสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการฯ ในแต่ละช่วงเวลาด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขอให้ภาครัฐเตรียมการให้พร้อมทุกด้าน เพื่อรองรับการขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะการเร่งพัฒนากำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ในประเทศไทยให้เพียงพอสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ โดยให้ภาครัฐประสานความร่วมมือในการทำงานกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันดำเนินงานขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายตามแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์ เพื่อการพัฒนาประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันการดำเนินการต่างๆ ขอให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก เยาวชนและคนรุ่นใหม่ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาดำเนินการให้มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์และผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายร่วมกัน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานเชิงรุกตามแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์ เพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565-2570) สู่การปฏิบัติ เพื่อสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ของประเทศให้เกิดขึ้นอย่างครบถ้วน เป็นรูปธรรม และยั่งยืน เน้นสร้างและพัฒนากำลังคนให้มีทักษะความรู้ความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ในทุกระดับ

ทั้งการผลิตและใช้งานเทคโนโลยี AI รวมถึงการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานและบริการ AI เพื่อส่งเสริมการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มกลางบริการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย ให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน สามารถเข้าถึงและนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนการใช้งานเริ่มที่ 15 ล้านครั้งในปี 2566

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนฯ จะกำกับดูแลบูรณาการการทำงานสู่การปฏิบัติ และย้ำให้ทุกหน่วยงานติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนประเทศด้วยปัญญาประดิษฐ์เชิงรุก เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม และเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง