ชาวม่อนแจ่ม บุกสนง.ป่าไม้ ทวงถามสิทธิ์ทำโฮมสเตย์

ชาวบ้านม่อนแจ่มกว่า 100 คน บุก สนง.ป่าไม้ ทวงถามสิทธิ์ทำโฮมสเตย์ แล้วถูก จนท.ป่าไม้ฟ้องบุกรุก เปลี่ยนมือ ชาวบ้าน 30 รายเดือดร้อน บางรายอยู่ชั้นสอบสวน บางรายอยู่ชั้นศาล ชาวบ้านถามเอาหลักฐานอะไรฟ้อง พบขาดหลักฐานยืนยันศาล อ้างน้ำท่วมเอกสารหาย

นายเอกรินทร์ นทีไพรวัลย์ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นำสมาชิกวิสาหกิจชุมชนฯจำนวนประมาณ 150 คน จากจำนวนสมาชิกมีรายชื่อลงทะเบียนไว้ จำนวน 116 ราย ที่ประกอบอาชีพโฮมสเตย์ เข้าพบนายสุรศักดิ์ นัสบุสย์ ผอ.ส่วนอำนวยการ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ เข้าพบที่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่

ชาวบ้านยื่นหนังสือ เพื่อต้องการทวงถาม กรณี ตามมติ ครม.วันที่ 11 พ.ค. 2542 และ ตาม มติ ครม. 2 มี.ค. 2556 ที่แจ้งกับชาวบ้านว่า จัดรูปแปลง จำนวน 984 แปลง ชาวบ้านขอคัดสำเนา เพราะทราบว่า มันคล้ายกับแปลงในพื้นที่ของโครงการหลวง และชาวบ้านต้องการสิทธิ์ใดสิทธิ์หนึ่ง ที่จะเข้าไปใช้ประโยชน์และไม่ต้องการออกโฉนดแต่อย่างใดเลย เพราะชาวบ้านยืนยัน มาอยู่ก่อน พรบ.ป่าไม้ 2484 และ พรบ.ป่าสงวน 2507 ก่อนที่จะออกมาบังคับใช้กฏหมายดังกล่าวอีกด้วย

และกรณี เจ้าหน้าที่ป่าไม้เป็นผู้ฟ้องคดี ฟ้องชาวบ้าน ในความผิดบุกรุก เปลี่ยนมือ ชาวบ้านที่ถูกฟ้องจำนวน 30 ราย เดือดร้อน เพราะบางพื้นที่เป็นที่ดินญาติอยู่ติดกัน จนท.ป่าไม้ นำเครื่อง GPS หรือเครื่องมือตรวจสอบที่ดินทางดาวเทียมมาตรวจ แล้วพบว่า รุกไปในบ้านญาติ ทางญาติไม่ติดใจอะไร แต่ จนท.ป่าไม้เป็นผู้ฟ้องคดีกับชาวบ้านหลายราย ทำให้ชาวบ้านหลายครอบครัวเดือดร้อน ต้องจ้างทนายสู้คดีกันจำนวนมากถึง 30 รายดังกล่าว

บางคดีอยู่ในขั้นตอนของ จนท.ตำรวจ ในชั้นสอบสวน บางคดีบางคนถึงชั้นศาลแล้ว เมื่อสืบพยานโจทก์ ศาลให้นำเอกสารที่จัดรูปแปลง 984 แปลง (ที่ชาวบ้านเชื่อว่าตรงกับรูปแปลงโครงการหลวง) มาแสดงต่อศาล ได้รับคำตอบจาก จนท.ป่าไม่ ว่า ถูกน้ำท่วมเสียหาย แต่จะนำมาเสนอต่อศาลต่อไปนั้น ชาวบ้านก็เลยติดใจสงศัย จึงมาคัดสำเนาเอกสารดังกล่าวในวันนี้เพื่อนำไปต่อสู้ทางคดีด้วย ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้นัดมอบเอกสารให้ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ว่าการอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่จากนั้นชาวบ้าน และสมาชิกวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม ได้ยื่นหนังสือแล้วเดินทางกลับ ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงใดๆ