‘เมฆินทร์’ ลุยไม่หยุดช่วงสงกรานต์ เดินหน้าใส่เสื้อลายดอกขอคะแนนชาวสุพรรณฯ

‘เมฆินทร์’ ลุยไม่หยุดช่วงสงกรานต์ เดินหน้าใส่เสื้อลายดอกขอคะแนนชาวสุพรรณฯ พร้อมอวยพรคนไทยให้เดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับ เผยความนิยมดีขึ้นเนื่องจากนโยบายที่โดนใจและจุดยืนที่ตรงใจชาวสุพรรณ

นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า เทศกาลสงกรานต์ถือเป็นประเพณีที่ดีงามของคนไทย ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนจะได้จัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำบุญตักบาตร เข้าวัด สรงน้ำพระ รดน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ เล่นรดน้ำหรือสาดน้ำ ร่วมกิจกรรมรื่นเริง ที่ชุมชนหรือหมู่บ้านนั้นๆ จัดขึ้น ซึ่งตนก็ได้มีการแต่งตัวให้เข้ากับเทศกาล คือ เสื้อลายดอก เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมที่ชาวบ้านภายในเขตเลือกตั้งจัดขึ้น และถือโอกาสประชาสัมพันธ์นโยบายพรรคที่มีอยู่ ณ ขณะนี้ 16 ข้อ โดยจะมุ่งเน้นนโยบายการใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษฟรีและตรวจสุขภาพฟรี และนโยบายชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000 บาท เพราะถือว่าเป็นนโยบายโดนใจผู้สูงอายุและลูกหลานเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้สมัคร ส.ส. ก็จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด เพื่อความเป็นธรรมในการแข่งขัน เพราะมีข้อกฎหมายแจ้งไว้อย่างชัดเจนว่า อย่าจัดกิจกรรม งานเลี้ยง หรือจัดมหรสพเพื่อจูงใจให้คนไปลงคะแนน ซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่หยุดติดต่อกันหลายวันนั้น ผู้สมัครทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

“เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2566 นี้ ผมขอส่งความปรารถนาดี มายังประชาชนคนไทยทุกคน ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพทั้งไปและกลับ มีความสุขในการกลับไปเยี่ยมเยือนญาติพี่น้อง และขอให้ได้พลังงานกลับมาอย่างเต็มที่เพื่อสู้งานกันต่อไป สำหรับใครที่พักผ่อนช่วงสงกรานต์ในจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ผมก็ขอต้อนรับทุกท่านด้วยความยินดี เพราะจังหวัดสุพรรณบุรี ขึ้นชื่อเรื่อง วัดดี มีของอร่อย เป็นจำนวนมาก และมีบรรยากาศที่น่าพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผมมั่นใจว่า ท่านมาเที่ยวที่สุพรรณบุรี ก็จะได้ความประทับใจกลับไปเล่าให้กับคนที่ท่านรักฟังอย่างแน่นอน” นายเมฆินทร์กล่าว
นายเมฆินทร์ กล่าวอีกด้วยว่า สำหรับการตอบรับของประชาชนที่มีต่อตนนั้น ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น เพราะนอกจากนโยบายที่โดนใจแล้ว การประกาศจุดยืนของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมา ที่เน้นย้ำว่า ประเทศไทยหนีไม่พ้นที่จะต้องเดินหน้าการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องไม่เป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ รวมทั้ง ยึดมั่นระบบรัฐสภา และไม่เอาการทุจริตทุกรูปแบบ ซึ่งถือเป็นจุดยืนที่ตรงใจกับชาวสุพรรณบุรี เป็นอย่างยิ่ง เพราะที่ผ่านมา การที่พรรคการเมืองใดจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ นอกจากจะต้องมีอายุที่ยืนยาวจนประชาชนฝากผีฝากไข้ได้แล้ว จะต้องมีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ รวมทั้ง จะต้องสามารถช่วยชาวบ้านได้ในทุกสถานะไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

ดังนั้น การที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนแบบนี้ ถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้คนสุพรรณบุรีและคนไทยทั้งประเทศ สามารถเลือกพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างสนิทใจ และสามารถเชื่อมั่นได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะนำประเทศไทยไปสู่ความเจริญอย่างยั่งยืนด้วย