“เบโด้” หนุนเกษตรอินทรีย์ จ.น่าน

“เบโด้” หนุนเกษตรอินทรีย์ จ.น่าน

นายสุวีร์ งานดี รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (สพภ.)หรือ เบโด้ (BEDO) สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยระหว่างนำคณะลงพื้นที่จ.น่าน ว่า สพภ. ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการยกระดับวิสาหกิจชุมชนด้านองค์ความรู้ต่างๆให้แก่ชุมชน โดยจะประเมินศักยภาพของชุมชนทั้งเรื่องของทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด และทำอย่างไรให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในแต่ละพื้นที่มีความหลากหลายของทรัพยากรขั้นพื้นฐานที่ต่างกัน การวางแผนพัฒนาชุมชนในแต่ละพื้นที่จึงไม่เหมือนกัน

น่านเป็นหนึ่งจังหวัดที่เบโด้ เข้ามาร่วมส่งเสริม 3 วิสาหกิจชุมชนด้วยกัน คือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนชีววิถี บ้านน้ำเกี๋ยน เน้นพัฒนาสินค้า ปลอดสารเคมีที่ใช้ในครัวเรือนและผลิตด้วยวัตถุดิบที่ได้จากชุมชนเป็นหลัก อีกหนึ่งแห่ง คือ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปมะไฟจีนบ้านกอก ที่เบโด้ส่งเสริมการเก็บข้อมูล หรือธนาคารความหลากหลายทางชีวภาพระดับชุมชน(Community BioBank) ทำให้สามารถคัดแยกและจำแนกความแตกต่างของมะไฟจีนได้ถูกต้อง เพื่อวิจัยและนำส่วนต่างๆไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุด สร้างมูลค่าแก่ชุมชน ส่วนวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์พอเพียงร่วมใจสันติสุข อ.สันติสุข เป็นกลุ่มสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่มุ่งเน้นการเพาะปลูกพืชผักปลอดสารเคมี ที่ก่อนหน้านี้เน้นการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด และยางพารา ที่ชาวบ้านปลูกเพื่อหวังผลทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้พื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายไปอย่างรวดเร็วเป็นวงกว้าง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศถูกทำลาย รวมถึงแหล่งอาหารและพันธุกรรมพืชท้องถิ่น เพราะการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่มีปริมาณมาก การเผาเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของเกษตรกรและคนในชุมชน

ดังนั้นการจัดทำโครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพการผลิตและการแปรรูปผลผลิตเกษตรอินทรีย์ชุมชนโป่งคำ เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
“เบโด้ จึงเข้ามาส่งเสริมด้านองค์ความรู้ในการปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ ให้กับวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์พอเพียงร่วมใจสันติสุข โดยใช้หลักการธรรมชาติเข้ามาสู่กระบวนการเพาะปลูก ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย สารกำจัดแมลง โดยมุ่งเน้นใช้สิ่งที่มีในท้องถิ่นมาปรับใช้แทนสารเคมี ส่งเสริมการปลูกพืชที่เก็บเมล็ดพันธุ์ เพื่อใช้ขยายพันธ์ุในฤดูกาลต่อไป

พืชที่เบโด้ส่งเสริมเพาะปลูกส่วนมากจะเป็นพืชในท้องถิ่นอาทิฟักทอง แตงกวาญี่ปุ่น ฟักแฟง มะนาว ตะไคร้ เสาวรส กล้วย ที่สามรถนำมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าในรูปแบบต่างๆ เช่นทำเป็นแบบน้ำ ผง หรือขนมพร้อมรับประทาน และเพื่อการเพิ่มมูลค่าของผลผลิต และช่องทางการตลาดให้เพิ่มมากขึ้นและให้ได้มาตรฐานจึงต้องพัฒนาโรงคัดแยกผลผลิตทางการเกษตรตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ ทำให้เกิดการสร้างมูลค่าของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ความสามารถในการพึ่งพาตนเอง สร้างเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน  

นอกจากนี้เบโด้ยังได้ทำโครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพผลผลิตเกษตรอินทรีย์ชุมชนโป่งคำ โดยปี 62 ได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้การใช้ประโยชน์และอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น และจัดตั้งโครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพการผลิตและการแปรรูปทรัพยากรชีวภาพเชิงเกษตร วิจัยพัฒนาสินค้าและบริการ ร่วมกับชุมชนในปี 63 และทำโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนตามหลักการ BEDO Concept : กลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้าและไผ่สู่ตลาดสากล ร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ 3 อย่าง ได้แก่ เก้าอี้ไม้ไผ่ 2 แบบ กระจกไม้ไผ่ 1 แบบ และถาดไม้ไผ่ 1 แบบ ในชุมชนโป่งคำ ยกระดับกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐาน และพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อเป็นชุมชนต้นแบบการเกษตรอินทรีย์ ทำให้ได้ผลผลิตอินทรีย์ที่มาจากความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น อาทิ ผลิตภัณฑ์ผงฟักทอง ผลิตภัณฑ์จากกล้วยตาก ผลผลิตเกษตรอินทรีย์ (ฟักทอง) ผลผลิตเกษตรอินทรีย์ (ฟักเขียว) ผลผลิตเกษตรอินทรีย์ (เสาวรส) เป็นต้น ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ สพภ. ให้การส่งเสริมชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน สร้างเศรษฐกิจ ควบคู่การอนุรักษ์อย่างยั่งยืน”นายสุวีร์ กล่าว.