ครม.เห็นชอบในหลักการหวยเกษียณรูปแบบสลากดิจิทัลผ่านช่องทางออนไลน์ ซื้อสูงสุดต่อคนไม่เกิน 3 พันบาทต/เดือน ได้เงินรูปแบบบำเหน็จ

วันนี้ (16 กรกฎาคม 2567) เวลา 12.30 น. ณ บริเวณโถงกลาง  ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อออมยามเกษียณ เป็นสลากดิจิทัลผ่านช่องทางออนไลน์  จำกัดสลากการซื้อต่อคนสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะได้รับเงินทั้งหมดในรูปแบบบำเหน็จ จำนวนเงินที่ซื้อสลากจะเก็บถูกเป็นเงินสะสมเฉพาะบุคคล โดยจะได้รับเงินคืนทั้งหมดเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์  เนื่องจากสังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย รัฐบาลต้องใช้เงินดูแลผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก และโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมการออมให้ประชาชน รัฐบาลต้องการสร้างแรงจูงใจในรูปแบบเงินรางวัลทำให้รัฐสามารถลดงบประมาณในการดูแลกลุ่มเปราะบาง พร้อมกันนี้คณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบการแยกบัญชีโครงการให้สินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือประชาชนรายย่อย ในโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up ธนาคารออมสิน โดยเป็นบัญชีธุรกรรมนโยบาย โดยไม่ต้องขอรับงบประมาณจัดสรรเพิ่มเติม

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานของกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศออกไปเป็นระยะเวลา 20 ปี ตั้งแต่ 20 ก.ค. 2567- 19  ก.ค. 2587 เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ โดยมีเกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือไม่น้อยกว่า 130,706 ครัวเรือน  และยังเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอ โครงการข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 โดยให้เกษตรกรเป็นผู้รับประโยชน์จากค่าสินไหมทดแทน 100 % ในทุกกรณี และให้มีการศึกษาถึงมาตรการเยียวยาแก่เกษตรกร เพื่อไม่ให้เกิดภาวะหนี้เสีย NPL ในอนาคต

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการคัดเลือกเอกชนร่างสัญญาร่วมลงทุน และเงื่อนไขสำคัญของสัญญารร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ถึงมีนบุรี โดยบริษัท BEM  เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก และปัจจุบันศาลปกครองสูงสุด ได้พิพากษายกฟ้องในทุกคดี และร่างสัญญารร่วมลงทุนได้ผ่านการตรวจพิจารณาของอัยการสูงสุดแล้ว และคณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างกฎหมายกระทรวงขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 หรือตำรับวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 3 หรือประเภท 4 เพื่อกำหนดกระบวนการขึ้นทะเบียนของยาเสพติด และตำรับวัตถุออกฤทธิ์ให้มีคุณภาพมีประสิทธิภาพและความปลอดภัย รวมทั้งควบคุมและกำกับดูแลไม่เกิดการรั่วไหลของยาเสพติด และนำไปใช้ในทางที่ผิด