ยุทธศาสตร์ภูเก็ต ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน โดย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ “ด้วยเหตุที่มนุษย์เรียนรู้เรื่องใหม่ของวิธีจัดการโควิดเพิ่มไปทุกเดือน

#ยุทธศาสตร์ภูเก็ต ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน โดย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ

“ด้วยเหตุที่มนุษย์เรียนรู้เรื่องใหม่ของวิธีจัดการโควิดเพิ่มไปทุกเดือน

สูตรสำเร็จในการบริหารธุรกิจและการวางแผนเมืองจึงต้องถูกพัฒนาตามไปทุกระยะเช่นกัน

ข้อเสนอในการบรรยายในขณะนี้มี3เรื่องโดยเปรียบกับการเลือกเปิดอ่านหนังสือ3เล่ม

หนังสือเล่มแรก หารายได้เข้ามาให้เกาะ ซึ่งคงหนีไม่พ้นการจัดระบบท่องเที่ยวปลอดภัยอย่างรับผิดชอบ โดยเริ่มจากฝึกรองรับไทยเที่ยวไทยสักระยะ แล้วทำแผนคู่มือการเตรียมรับกลุ่มต่างชาติที่เช่าเหมาลำบินตรงเข้าเกาะทีละน้อย โดยต้องได้รับความพร้อมใจของทุกฝ่ายบนเกาะ และรับรู้เห็นพ้องจากพื้นที่จังหวัดข้างเคียงว่ามีมาตรการกำกับควบคุมไม่ให้มีจุดรั่วซึ่งต้อง
มีคู่มือที่ผ่านการฝึกซ้อมเสมือนจริงแบบท้าทายหลายๆหน คือให้คนไทยในและจากพื้นที่ข้างเคียงมาทดสอบระบบไปจนแน่ใจว่าไม่เหลือรอยรั่ว เช่นคุมได้ทั้งการเช่าเหมาออกเรือจากเกาะ การเช่าพาหนะแล่นข้ามสะพานออกนอกเกาะ มีระบบรองรับเรื่องการจัดการบริหารคนเรือ คนขับรถ แม่บ้านทำความสะอาดที่ฝ่ายการสาธารณสุขกำหนด การป้องกันการเข้าออกจากพื้นที่ๆตกลงกัน เป็นต้น

จากนั้นทำระเบียบและคำสั่งทางการที่จำเป็นสำหรับใช้ปฏิบัติ เพื่อให้มีฐานบังคับทางกฏหมายที่เพียงพอ

ส่วนการตลาดก็ให้เน้นแผนสื่อสารเพื่อให้ทั้งชาวไทย ชาวถิ่น และแขกที่จะมาเยือนเข้าใจ ว่าภูเก็ตมุ่งทำระบบท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบหรือ responsible tourism

ส่วนจะทำเมื่อไหร่นั้น คงต้องซักซ้อมไปจนได้เวลาที่ลงตัวเหมาะสม แต่ไม่ก่อนปลายปี2563นี้

หนังสือเล่มสอง ว่าด้วยเรื่องการช่วยให้สามารถลดค่าครองชีพของคนบนเกาะร่วมกัน การเพิ่มรายได้อย่างเดียวนั้นน่าจะทำได้ช้าและยังต้องคอยจังหวะที่ถูกต้อง แต่การชักชวนกันลดต้นทุนค่าเช่า ค่าพาหนะ ค่าครองชีพของพนักงานในกิจการต่างๆบนเกาะนั้นเริ่มได้ทันที เพื่อรักษาบุคลากรที่ต้องมีในกิจกรรมต่างๆ

ข้อนี้จะเป็นการส่งสัญญาน
ความสามัคคีและเข้าใจชีวิตของผู้รับจ้างและพนักงาน ซึ่งเป็นหัวใจและอีกเสน่ห์ของภาคบริการในภูเก็ต

หนังสือเล่มที่สาม คือคิดทำระบบแลกเปลี่ยนหรือ barter ระหว่างปัจจัยยังชีพกันบนเกาะให้ได้มากเท่าที่จะทยอยเกิดได้

ในต่างประเทศเวลานี้มีตัวอย่างการที่เจ้าของงานใช้การมอบอาหารสองสามมื้อที่ดีมีคุณค่าให้ผู้รับจ้างนำกลับไปดูแลครอบครัวแทนการจ่ายค่าจ้างงานฯลฯ

พื้นฐานของชาวเกาะคือการแลกปัจจัยยังชีพระหว่างกันมาก่อน ดังนั้นเมื่อโควิด19อาจอยู่กับโลกถึงสองปีจนกว่าวัคซีนจะกระจายถึงทุกชีวิต การใช้ทรัพยากรแบบปันกัน โดยเฉพาะกับพื้นที่จำกัดอย่างเกาะที่ยังอุดมสมบูรณ์นี้จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เช่น ราชการอนุญาตให้ราษฏรได้เข้าไปปลูกผักมาแลกเปลี่ยนกัน..จัดหมุนเวียนสื่อการเรียนของนักเรียนทั้งเกาะเพื่อลดภาระที่จะต่างคนต่างหาซื้อใหม่ มีกิจกรรมทำความสะอาดพื้นที่หรือดูแลกันและกันแลกปัจจัยสี่ที่ต้องการ การรวมจัดซื้อปัจจัยดำรงชีพมาแบ่งกันใช้สอย เป็นต้น ข้อนี้แม้ลดรายจ่ายได้ไม่มากแต่จะได้ความเป็นสังคมชาวเกาะให้หันหน้าพึ่งพากันได้อย่างเข้มแข็งมากขึ้น
และจะกลายเป็นเรื่องเล่าที่ทรงพลังให้ทั้งชุมชนและลูกค้าภายนอกที่จะเข้ามาร่วมประสบการณ์ได้สัมผัสหรืออยากมาสัมผัสต่อไป..เพราะภูเก็ต จะกลายเป็นชุมชนน่าสัมผัสยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่แหล่งที่มีบริการท่องเที่ยว”

“หากเรายอมขยับสลับที่ยืนสักก้าวสองก้าวจากจุดเดิมไปมาบ้าง…เราอาจได้เห็นมุมใหม่ที่อาจมองเห็นไม่ถนัดมาก่อน..ความสำเร็จนั้น บ่อยครั้งก็ได้มาจากการทำวิธีใหม่ๆที่อาจใช้เงินน้อยกว่า..แต่ได้ผลที่ยั่งยืนกว่าในระยะถัดไป…”นายวีระศักดิ์กล่าว