ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รัฐสนตรี ตั้งข้อกล่าวหาหนัก “แอบอ้าง ฉ้อฉล กร่างเถื่อน ไร้จิตสำนึก วางแผนทุจริตอย่างแยบยล”

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยหัวหน้าพรรคและตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้ายื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 6 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย และมีอีก 2 พรรคมาร่วมด้วย คือ พรรคไทยศรีวิไลย์ และพรรคเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งมี ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน 208 คน ร่วมลงชื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 10 คน ได้แก่

1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี 3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข4.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 5.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

6.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 7.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 8.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม9.นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 10.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับข้อกล่าวหา 10 รัฐมนตรีดังนี้

1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในประเด็นการบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายของประเทศ ทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง

2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในประเด็นปฏิบัติตัวเป็นผู้มีอิทธิพลใช้งบประมาณรัฐสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้กับตนเอง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ เอื้อผลประโยชน์ให้พวกพ้อง

3. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในประเด็น การบริหารราชแผ่นดินที่ล้มเหลว การไม่ควบคุมโรคระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ที่ส่งผลให้มีการแพร่ระบาดรอบสองอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ อำพรางการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรค เพื่อเปิดช่องให้มีการทุจริตแสวงหาผลประโยชน์บนความเดือดร้อนของพี่องประชาชน

4.จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในประเด็น การบริหารราชการแผ่นดินที่บกพร่องล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จงใจปิดบังข้อมูล ปกป้องการทุริตเเสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ

5.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในประเด็นการบริหารราชการแผ่นดินโดยมิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แสวงหาผลประโยชน์เอื้อพวกพ้อง ใช้อำนาจโดยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต

6. ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในประเด็นไม่เคารพหลักการสิทธิมนุษยชน ใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำในลักษณะกดขี่ข่มเหงข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้บุคคลหลายรายคือพวกพ้องตนเองเข้าสู่ตำแหน่ง

7. สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในประเด็นบริหารราชการบกพร่องผิดพลาดร้ายแรง ปล่อยปละละเลยให้มีการแสวงหาผลประโยชน์จากผู้ใช้แรงาน ไม่กำกับควบคุมผู้ใช้แรงงานต่างด้าวให้เป็นระบบจนเกิดแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมากสร้างผลกระทบต่อการแพร่ระบาดของโควิดรอบสอง

8.ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในประเด็นบริหารราชการแผ่นดินโดยเอื้อผลประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาด เพื่อให้มีสิทธิในการดำเนินกิจการของรัฐ โดยไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ

9. นิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในประเด็น ไม่มีความชื่อสัตย์ ขาดคุณธรรม จริยธรรม ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงประทศชาติและประชาชน

10.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในประเด็น บริหารราชการแผ่นดินอย่างบกพร่อง แสวงหาผลประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบตัวยกฎหมาย ใช้งบประมาณของรัฐเอื้อพวกพ้องโดยไม่รักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ปกปิดข้อมูลความจริงในการยื่นบัญชีทรัพย์สิน และขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้ต่างจากปีที่แล้ว เนื่องจากครั้งที่แล้วมีเรื่องของเวลามาบีบ พออภิปรายเสร็จก็มีการปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรทันที แต่คราวนี้ฝ่ายค้านมีเอกภาพ มีการทำงานร่วมกันอย่างรอบคอบ และมีเวลาในการอภิปรายค่อนข้างเยอะ เพราะการปิดสมัยประชุมจะมีขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ แต่เราเริ่มอภิปรายตั้งแต่ 16 กุมภาพันธ์ ซึ่งเราจะทำงานอย่างเต็มที่ ในการอภิปรายไม่วางใจรัฐบาลในครั้งนี้ซึ่งจะเป็นไปอย่างเข้มข้น ชัดเจน และสร้างสรรค์ ฝ่ายค้านของพวกเราจะอภิปรายเพื่อเปิดเห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล และความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลที่ขัดหลักนิติรัฐนิติธรรม รวมไปถึงการจัดสรรทรัพยากรอย่างไม่เพียงพอให้กับประชาชน แต่กลับเลือกให้กับคนเพียงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับภาษีของประชาชน ดังนั้น ขอ ให้ประชาชนติดตามการอภิปรายในครั้งนี้ เพราะพวกเราจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน.

สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลครั้งนี้ พรรคก้าวไกลจะมีส่วนอภิปรายด้วย 6 รัฐมนตรี หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดนทั้งเรื่องความผิดพลาดบกพร่องอันก่อให้เกิดความเสียของประเทศทั้งระบบ เศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง และเรื่องความไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบในการบริหารประเทศตลอดเวลาที่ผ่านมา