ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีฯเตือนอย่าใช้วิธีรุนแรงแก้ปัญหาการชุมนุม ระบุนับแต่ปี 2475 ไม่เคยมีใครเอาสถาบันมาพูดในพื้นที่สาธารณะ ต้องเปิดพื้นที่คุยกันไม่เช่นนั้นจะเกิดวิกฤตใหญ่

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า หากมีการจับกุมดำเนินคดีกับแกนนำผู้ชุมนุมที่ออกมาเคลื่อนไหว เขาก็จะมีตัวแทนใหม่ขึ้นมาตลอด นับตั้งแต่ปี 2549 คู่ขัดแย้งมันเปลี่ยนแปลงไปเลื่อย วันนี้คนลืมคุณทักษิณ ชินวัตร แล้ว
“นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี พ.ศ.2475 ไม่เคยมีใครเอาสถาบันมาพูดแบบนี้ในที่สาธารณะเลย มันมาถึงจุดแล้วที่ประเทศไทยต้องคิดกันให้ดีน่ะ 10 ข้อเรียกร้องเป็นเรื่องที่เขาเห็นจากต่างประเทศ อะไรที่ทำได้ก็ทำไม่อยากให้เปลี่ยนปลงรุนแรงเหมือนพ.ศ.2475 ประเทศจะย่อยยับมาก” พล.อ.เอกชน กล่าว
ผอ.สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นฝ่ายความมั่นคงอย่าใช้วิธีความรุนแรง มันจะเกิดเป็นปัญหาใหม่ ประเด็นใหม่ ถ้าผิดดำเนินคดีว่าไป ต่อสู้กันในศาล และต้องเปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยกัน พร้อมกับระบุว่าว่า เหตุการณ์ไม่น่ามาถึงจุดนี้เพราะมีสัญญาณจากการเคลื่อนไหวของแฟลชม็อบแจ้งเตือนมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาดแล้ว แต่เราไม่ได้สนใจพูดคุยถามความต้องการต่าง ๆ ของกลุ่มเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหว ทั้ง ๆ ที่ข้อเรียกร้องแรก ๆ ไม่รุนแรงขนาดนี้ เป็นเพียงไม่พอใจทหารที่สืบทอดอำนาจ และเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ
รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม และอดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แก้รัฐธรรมนูญ เห็นว่า ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองล่อแหลมมาก หลายกลุ่มชุมนุมปะทะกันทางความคิด เมื่อขับเคลื่อนต่อไปจะเป็นการปะทะกันทางกายภาพ รัฐสภาต้องหาจุดรวมคลีคลายสภาวะการให้ได้ กลุ่มเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวมองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการสืบทอดอำนาจของคสช. จะจริงหรือเท็จไม่รู้ แต่ถ้ายังเล่นแร่แปรธาตุ แล้วไม่หาทางออกรวมกันเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะทำให้ปัญหารุนแรงมากขึ้น ทั้งการชุมนุม และวิกฤตเศรษฐกิจ
รศ.ดร.เจษฎ์ ย้ำด้วยว่า ต้องสางปมปัญาทีละปม สางได้แก้ได้รีบแก้ สางไม่ได้ต้องป้องกันไม่ให้เกิด ถ้ามองปัญหาไม่ออกแล้วยังดื้อ จะพากันพังกันหมด