ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเตือนดูแลสุขภาพช่วงอากาศหนาว ย้ำ 2 เรื่องห้ามทำ เสี่ยงเสียชีวิต สวมหน้ากากล้างมือ เว้นระยะห่าง เลี่ยงสถานที่แออัด ป้องกันทั้งโรคโควิด 19 ย้ำห้ามดื่มเหล้าคลายหนาว หรือผิงไฟในเต็นท์ อันตรายถึงชีวิต

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ช่วงนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทยมีอุณหภูมิลดลง สภาพอากาศหนาวเย็น ประชาชนอาจเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่แม้ที่ผ่านมาจะพบผู้ป่วยลดลงจากปีที่ผ่านมา ประชาชนให้ความร่วมมือในการป้องกันตนเอง  อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ระลอกใหม่ในหลายจังหวัด หากเจ็บป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่อาจทำให้แยกอาการจากโรคโควิด 19 ได้ยาก จึงขอให้ประชาชนคงมาตรการส่วนบุคคล ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลอกอฮอล์ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด คนรวมตัวกันหมู่มาก และไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น จะช่วยป้องกันการติดเชื้อทั้งโรคโควิด 19 และโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจอื่นๆ

นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า สำหรับความเข้าใจผิดที่ไม่ควรทำในช่วงที่อากาศหนาวเย็น คือ 1. การดื่มแอลกอฮอล์คลายหนาว เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้น ซึ่งเป็นเพียงชั่วครู่ จากการที่หลอดเลือดฝอยขยายตัว เป็นการระบายความร้อนออกจากร่างกาย ทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลงกว่าปกติ เมื่อร่างกายสัมผัสอากาศเย็นเป็นเวลานานขณะนอนหลับ เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้ และ 2.ไม่ควรนำเตาถ่านหรือตะเกียงน้ำมันก๊าดเข้าไปจุดในเต็นท์ นอกจากเสี่ยงเกิดเพลิงไหม้แล้ว ในควันไฟยังมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ เมื่อหายใจเอาก๊าซ 2 ชนิดนี้เข้าไปจะทำให้เซลล์ของอวัยวะต่างๆ ขาดออกซิเจนไปเลี้ยง เกิดอาการง่วง หลับโดยไม่รู้ตัวและเสียชีวิต

          “วิธีการรักษาร่างกายให้อบอุ่น ขอแนะนำให้ประชาชนสวมเสื้อผ้าที่เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายอย่างเพียงพอ ไม่นอนในที่โล่งแจ้ง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลักายสม่ำเสมอ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ไม่อาบน้ำอุ่นเกินไป หากผิวหนังแห้งทาครีมบำรุงบ่อยๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง” นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าว