ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนำทีมแถลงยืนยันตำรวจไม่ได้ฉีดน้ำ กระสุนยาง แก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม ระบุชายที่โลกโซเชี่ยลติดแฮชแทคว่าเป็นหมอ ตรวจสอบไม่ได้ประกอบอาชีพหมอ หากใครเสียหายสามารถแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจท้องที่ได้

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 , พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รอง ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวเหตุการณ์ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงกรณีการชุมนุมตั้งแต่เวลา 15.00 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ มีการจัดกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยตำรวจมีการตั้งจุดคัดกรองโดยรอบ และมีการประกาศแจ้งเตือนเป็นระยะ ว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ตาม พรก.ฉุกเฉิน และ พรบ.ควบคุมโรค ต่อมามีการปิดเส้นทางจราจร กระทั่ง 18.00น. กลุ่มผู้ร่วมชุมนุมชักชวนให้เดินทางไปศาลหลักเมือง ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญ ตำรวจจึงต้องตั้งแนวกำหนดอาณาเขต เมื่อผู้ชุมนุมมาถึง มีการขว้างปาสิ่งของ ก้อนหิน ขวดน้ำ และวัตถุระเบิดแรงดันต่ำ เป็นเหตุให้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ แก้วหูฉีกขาดเพราะแรงอัดของระเบิดแรงดันต่ำ โดนเหล็กแหลม และก้อนหิน รวม 23 นาย

และหลังจากมีการประกาศยุติการชุมนุม ยังคงมีผู้ชุมนุมบางส่วน ก่อความวุ่นวายและชุมนุมต่อจนครบ 30 นาที เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้การผลักดัน พร้อมยืนยันไม่ได้ใช้น้ำฉีด แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง

เบื้องต้น หลังเกิดเหตุควบคุมตัวผู้ชุมนุมทราก่อความไม่สงบ 11 ราย โดย 3 ราย เป็นกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในการชุมนุม แต่มีอาการเมาสุรา จึงเปรียบเทียบปรับ และปล่อยตัวไป / ส่วนอีก 8 ราย เป็นกลุ่มผู้ชุมนุม มีความผิดตาม พรก.ฉุกเฉิน และ พรบ.โรคติดต่อ //มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งขณะนี้ถูกคุมตัวอยู่ที่ ตชด.ภาค 1 และหลังจากนี้ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำลายทรัพย์สิน จากการรื้อถอนสิ่งของรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมไปถึงกลุ่มที่ทำร้ายเจ้าพนักงาน ขว้างปาสิ่งของด้วยขวด ระเบิด ก้อนหิน

ส่วนกรณีบุคคลที่ระบุว่าเป็นแพทย์อาสาที่อ้างว่าถูกตำรวจกระทืบ จนมีการติดแฮชแทคจากกการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่ได้ประกอบอาชีพพยาบาล หรือแพทย์ แต่อาจทำหน้สที่แพทย์อาสาให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งตำรวจมีพยานหลักฐานยืนยันว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มที่ก่อความวุ่นวาย ทั้งนี้มีรายงานว่า จากการตรวจค้นร่างกาย พบอาวุธประเภทกระบองเหล็กซุกซ่อนอยู่ภายในเสื้อ

สำหรับเหตุความวุ่นวายในพื้นที่ สน.นางเลิ้ง บริเวณสะพานผ่านฟ้า เวลา 21.00น. ตำรวจ นางเลิ้ง รับแจ้ง มีการยิงกันเมื่อไปถึง รับแจ้งว่า ผู้ก่อเหตุยิงอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ตำรวจจึงพยามควบคุมตัว แต่ถูกการ์ดและผู้ชุมนุมขัดขวาง จากนั้นเมื่อมาถึง สน. ยังก่อความวุ่นวายไม่หยุด ตำรวจชุดสืบสวนจึงต้องใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า เพื่อระงับเหตุ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ไม่ไช่ผู้ก่อเหตุยิง โดยมีพยานหลักฐานเป็นพยานบุคคล และกล้องวงจรปิด ยืนยันบุคคลดังกล่าวมารับประทานอาหารที่ร้านสะดวกซื้อ ส่วนผู้ก่อเหตุตัวจริงยังอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ และติดตามตัว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจเขม่าดินปืน และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ

ส่วนกรณี อดีตผู้เข้าประกวดนางงาม โพสต์ข้อความว่า ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา ยืนยันว่า ไม่มีการใช้แก๊สน้ำตา แต่หากเจ้าตัวอยากเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ให้ปากคำก็ยินดี และจะเป็นประโยชน์กับรูปคดีอย่างมาก

นอกจากนี้ สำหรับคดีการชุมนุมที่สามย่านมิตรทาวน์ เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกแกนนำ 3 คน ที่ขึ้นเวทีปราศรัย มารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ในเวลา 10.00 น. ที่ สน.ปทุมวัน

ส่วนเหตุการณ์ชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พนักงาานสอบสวน ออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติม 12 คน ให้มารับทราบข้อหา ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00 น. ที่ สน.ยานนาวา ในจำนวนนี้มีแกนนำ 3 คน คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน // นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ / และ นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง