“ชิม ชินวิริยกุล” นายกสมาคมแต้จิ๋วฯคนใหม่ ชูนโยบายกระชับความสัมพันธ์ไทย-จีน รวมทั้งส่งเสริมด้านการค้า การลงทุน การคมนาคม การท่องเที่ยว

นายชิม ชินวิริยกุล นายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย เข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมฯ คนใหม่ ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2565 ต่อจากนายแสงชัย โสตถีวรกุล นายกสมาคมฯ คนเก่าซึ่งหมดวาระลง โดยนายชิม ชินวิริยกุล รับตำแหน่งนายกสมาคมพร้อมคณะกรรมการสมัยที่ 41 ของสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย

ในงานมีนายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี , นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย , นายวิสิทธิ์ ลีละศิธร และนายไกรสร จันศิริ นายกกิตติมศักดิ์ถาวรสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย เข้าร่วมแสดงความยินดี

นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับคณะกรรมการชุดใหม่และเชื่อมั่นในศักยภาพของนายกสมาคมคนใหม่ และมองเห็นแนวทางสร้างความสัมพันธ์ในภูมิภาค และสร้างกิจกรรมดีๆให้แก่บ้านเมือง รวมถึงเป็นศูนย์กลางแห่งชาติอาเซียน10ประเทศ ซึ่งมีคนแต้จิ๋วอยู่เป็นจำนวนมาก

นายชิม ชินวิริยกุล เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณทุกท่านและทุกฝ่ายที่สนับสนุนในการเข้ารับตำแหน่งของตน ซึ่งในช่วงการดำรงตำแหน่งในฐานะนายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย ตนจะมุ่งทำงานเพื่อผลักดันให้สมาคมฯ มีความก้าวหน้า และสมาชิกได้รับประโยชน์สูงสุด  ซึ่งหากนับจนถึงวันนี้ สมาคมฯ ก่อตั้งมาแล้วไม่น้อยกว่า 100 ปี แต่จดทะเบียนจัดตั้งสมาคมฯ รวมระยะเวลา 84 ปี

“ผมได้วางนโยบายและทิศทางการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนไทยเชื้อสายจีนโดยรวม พวกเรารักในแผ่นดินถิ่นเกิดที่เมืองไทย พวกเราชาวไทยเชื้อสายจีนล้วนมีความผูกพันกันฉันท์ญาติมิตร และต้องการเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนของทั้งไทยและจีน หลังจากที่ไทยได้เปิดประเทศเต็มรูปแบบไปแล้วเมื่อ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะนี้เราได้ก้าวผ่านความทุกข์ยากจากโควิด-19  มาแล้ว จากนี้ผมพร้อมส่งเสริมเดินหน้าการฟื้นเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การนำเข้า/ส่งออก การคมนาคม การท่องเที่ยว  เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป”

นายชิม ชินวิริยกุล กล่าวว่า แทบทุกประเทศต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การเข้ามารับตำแหน่งของตนจึงต้องหาแนวทางว่าจะฟื้นเศรษฐกิจอย่างไร เนื่องจากชาวไทยเชื้อสายจีนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่เมื่อหลายประเทศเริ่มเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว จะดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว

ที่ผ่านมาพบว่าจากจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เข้ามาเที่ยวไทยนั้น จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง และเมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ คือรอให้จีนเปิดประเทศ จะทำให้สถานการณ์ต่างๆกลับมาคึกคักอย่างแน่นอน โดยชาวจีนจำนวนมากต้องการมาเที่ยวไทย แต่รอให้รัฐบาลของเขาเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยสูงมากเกิน 10 ล้านคน ทำรายได้ให้ประเทศไทยอย่างมหาศาล ส่วนจีนเองก็เป็นหนึ่งในจุดหมายที่คนไทยนิยมไปท่องเที่ยวเช่นกัน 

ส่วนด้านการค้า ตลาดจีนซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย (สัดส่วนประมาณ 20% ของการค้ารวม ไม่นับอาเซียน) ในช่วง 9 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ย.) การค้าระหว่างไทยกับจีน มีมูลค่า 76,965 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 คิดเป็น 31.61% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แม้ในช่วงโควิด-19 แต่สถานการณ์การค้าระหว่างกันก็ยังดีมาก ซึ่งเมื่อโควิด-19 คลี่คลาย การค้าระหว่างประเทศก็จะยิ่งดีมากขึ้น

ด้านการคมนาคม ขณะนี้จีนได้ร่วมมือกับสปป.ลาวเปิดการคมนาคม รถไฟความเร็วสูง และยังจะร่วมมือกับไทยต่อเชื่อมเส้นทางเข้าสู่ลาวเพื่อให้ระบบการขนส่งสินค้าเข้าออก และการท่องเที่ยวระหว่างกัน มีความคล่องตัวและเพิ่มมูลค่าได้มากขึ้น

เทรนด์การค้าในปัจจุบัน คนไทยหันมาใช้สื่อธุรกิจออนไลน์นิยมสั่งสินค้าจากจีนจำนวนมาก ซึ่งเป็นเทรนด์ที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยเฉพาะสินค้าขนาดเล็ก ที่มีการสั่งซื้อผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น สินค้าแฟชั่น และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่จีนนั้นตอบรับกับการส่งออกผลไม้ตามฤดูกาลของไทยเป็นอย่างดี เพราะคนจีนส่วนใหญ่นิยมบริโภคผลไม้จากประเทศไทย อาทิเช่นทุเรียน มังคุด ฯลฯ ซึ่งจีนมีความต้องการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบ และกึ่งสำเร็จรูปจากไทยมากขึ้น 

“นิสัยคนจีน พวกเราชอบทำการค้า และประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือคนรุ่นเก่าเนื่องจากพื้นฐานขยันขันแข็ง คนไทยเชื้อสายจีนที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จในเมืองไทย แผ่กิ่งก้านขยายสาขามีเป็นจำนวนมาก และพวกเรามีความสำนึกในบุญคุณแผ่นดินไทยและแผ่นดินจีน เมื่อมีโอกาสทางใดที่เราสามารถตอบแทนได้ เราจะทำให้ดีที่สุด”

ทั้งนี้ไทยและจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความใกล้ชิด มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ และมีการขยายความร่วมมือเชิงลึกในทุกมิติ โดยในปี 2565 เป็นปีครบรอบ 47 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน

สำหรับบทบาทและหน้าที่ของสมาคมแต้จิ๋วที่ผ่านมา จะเน้นเรื่องการพัฒนาด้านการศึกษา การส่งเสริมนักเรียนแลกเปลี่ยน  และเพื่อศึกษาศิลปวัฒนธรรมเก่าแก่ให้คงอยู่ สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น