ป่าชุมชนตามกฏหมายสร้างความไว้วางใจในหลัก คนอยู่กับป่ากันต่อให้ได้อย่างมั่นคงกันครับ

#กฏหมายกับป่าชุมชน โดย วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของวุฒิสภา

แม้แต่ผู้ที่รอคอยกฏหมายป่าชุมชนมาตลอดชีวิต ก็ได้แค่รับรู้ว่ามีกฏหมายนี้ออกมาตอนกลางปี2562
แต่ความเร้าใจก็ยังไม่ค่อยพลุ่งพล่าน เพราะกฏหมายกำหนดว่สหมวด4,5,6,7,8และอีก7มาตราจะมีผลก็ต่อเมื่อประกาศราชกิจนุเบกษาไปแล้ว6เดือน

มีอีกกลุ่มที่ยังไม่ถูกใจเพราะกฏหมายป่าชุมชนที่ออกมายังไม่ยอมให้มีป่าชุมชนในเขตป่าอนุรักษ์

ซึ่งพอจะเข้าใจได้

วันที่ครบ6เดือนของกฏหมายป่าชุมชนที่ทุกหมวดทุกมาตราตื่นขึ้นมามีผลพร้อมกันคือ 25 พย.2562 แต่ช่วงนั้นสังคมกำลังพุ่งความสนใจว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนใดบ้าง

เลยไม่มีข่าวการเป่าปรี้ดเริ่มต้นบังคับกฏหมายป่าชุมชนเสียอีก

กฏหมายป่าชุมชน เป็น 1ใน 13 พระราชบัญญัติใน ชุดกฏหมายปฏิรูปที่อุ้มท้องเดินทางยาวนานที่สุดฉบับหนึ่ง

ผมบังเอิญรู้เห็นเคยจับเรื่องนี้มากับมือตั้งแต่ยุคต้นของการออกเดิน

ขอพาย้อนไปสมัยพลเอกชาติชายกับบ้านพิษณุโลก ในปี2531 แนวคิด “ป่าชุมชน”ถูกจุดขึ้นมาในทำเนียบด้วยการทำงานระหว่างอ.โต้ง ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณและนักกฏหมายในบ้านพิษณุโลกคือ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย และพี่ไพสิฐ พาณิชย์กุลประจำคณะที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรีในเวลานั้นร่วมกับ NGOและนักวิชาการที่ขับเคลื่อนความคิดทางประชาสังคมอีกหลายๆสาย

สมัยนั้นผมเป็นสต้าฟบ้านพิษณุโลก จึงยังทันได้ต้อนรับคุณจำนงค์ โพธิสาโร อธิบดีกรมป่าไม้ที่ภายหลังมาเป็นสส.ของพรรคชาติไทย ดร.ยุกติ สาริกะภูติ คุณไพโรจน์ สุวรรณกร เป็นต้น

พอถึงเดือนพฤษจิกายน 2531 มีพายุพัดเข้านครศรีธรรมราช เกิดเหตุโคลนถล่มและซุงจำนวนมากมายทะลักไหลลงจากภูเข้าพุ่งทำลายหมู่บ้านที่ กระทูน ตำบลพิปูน ทับชาวบ้านเสียชีวิตถึง 700 คน!!

นายกฯชาติชายและทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลกบินด่วนลงดูพื้นที่ด้วยความสลดใจ เมื่อทราบว่าไม้ซุงเหล่านี้คือไม้ที่ถูกนายทุนลักลอบตัดไว้บนภูเขา แต่ถูกน้ำพัดไหลลงเขามา นายกฯชาติชายจึงประกาศ ยกเลิกสัมปทานป่าไม้ทั่วประเทศทั้ง301แปลง ซึ่งส่งผลให้ประทานบัตรเหมืองแร่ในเขตป่าทั้งหลายในพื้นที่สัมปทานไม้ก็มีอันต้องล้มพับไปตามกัน…ด้วยเหตุครั้งนั้น

การปิดป่าลั่นดาลเพื่อสกัดนายทุนตัดไม้ข้ามเขตจึงเกิดขึ้น…

จากปี2531ถึง2538ประเทศไทยเปลี่ยนรัฐบาลไปอีกหลายชุด มาสู่ยุคนายกฯบรรหาร ศิลปอาชา มีดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทยเป็นทั้งรัฐมนตรีคลังและที่ปรึกษา
มีดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นอีกหนึ่งในคณะที่ปรึกษา

สองที่ปรึกษานายกฯได้ร่วมกันรับเรื่อง”ป่าชุมชน”จากเครือข่ายนักวิชาการที่เคยรู้จักมาตั้งหลักการ
แล้วผมในฐานะรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการนายกรัฐมนตรีสรุปนำเอกสารของ อ. บวรศักดิ์เซ็นเสนอต่อท่านบรรหารให้ท่านพิจารณาส่งเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ครม.นายกฯบรรหารจึงเป็นครม.แรกที่มีมติเห็นชอบหลักการแห่งป่าชุมชน

ตอนนั้นคุณผ่อง เล่งอี้เป็นอธิบดีกรมป่าไม้

ที่จริงมีร่างกฏหมายป่าชุมชนฉบับกรมป่าไม้อยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่ได้รับฉันทามติจากเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนและวงนักวิชาการ กระทรวงเกษตรฯในเวลานั้นจึงไม่ได้เสนอร่างกฏหมายเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

เอกสารหลักการของอ.บวรศักดิ์จึงเน้นเอาเฉพาะเรื่องหลักการ คนอยู่กับป่า และป่าชุมชนด้วยสิทธิชุมชน เข้าให้คณะรัฐมนตรีรับหลักการไว้ก่อน

รัฐบาลนายกฯบรรหารเผชิญสารพัดความวุ่นวายทางการเมืองจนต้องยุบสภาไปในเวลาปีเศษๆ

แต่ก็นับเป็นรัฐบาลแรกที่ธงแห่งหลักการป่าชุมชน ปักลงกลางทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จเป็นหนแรก แต่ยังไม่มีสถานะเป็นร่างกฏหมายอะไร

จนเมื่อมีรัฐธรรมนูญ2540ที่มาจากการปฏิรูปการเมือง ทำให้เกิดหลักการประชาชนเข้าชื่อเสนอกฏหมายได้ด้วยจำนวนห้าหมื่นชื่อได้เป็นหนแรก

ร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน จึงถูกประชาชนเสนอเข้าสภาผู้แทนฯได้
แต่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรก็ยืดเยื้อไปจนมีการเลือกตั้งใหม่ในปี2544

คณะรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งของคุณทักษิณ ชินวัตรโหวตส่งร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชนฉบับประชาชนเข้าสู่สภาผู้แทนฯจนผ่าน แต่พอร่างผ่านมาถึงสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งชุดแรก กลับปรากฎว่าไม่ยักผ่านเสียงข้างมากของวุฒิสภาในเวลานั้น

ต่อมาบ้านเมืองก็เกิดความวุ่นวายทางการเมืองอีก จากเหตุอื่นๆ
เกิดการเผชิญหน้า แล้วเกิดรัฐประหาร2549

รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ หยิบกฏหมายป่าชุมชนฉบับนี้ขึ้นมาปัดฝุ่นเสนอเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติในปลายปี 2550 อีก

คราวนี้ผ่านครับ

แต่ข่าวดี มีได้ไม่นานอีก
มีผู้ร้องศาลรัฐธรรมนูญว่า สภาขณะลงมติกฏหมายป่าชุมชนนั้น

มีไม่ครบจำนวนเป็นองค์ประชุม!!

ร่างกฏหมายนี้จึงมีอันต้องแท้งหลังคลอด…

นี่แหละ ที่ผมถึงต้องเอาเรื่องนี้มาเล่า…

ท้องก็ยาก
อุ้มท้องนาน
แท้งก็ง่าย

จากนั้นเป็นต้นมา กฏหมายป่าชุมชนก็สาปสูญไปจากยุทธจักร

เพราะจอมยุทธในวงการเมืองมัวแต่พะบู๊กันในนามกีฬาสีอีกเกือบ7ปี

จนมาถึงคราวรัฐประหาร 2557 สภาปฏิรูปแห่งชาติจึงรับร่างกฏหมายป่าชุมชนมาพิจารณาอีก จากนั้นครม.พลเอกประยุทธก็มีมติเห็นชอบร่างกฏหมายป่าชุมชนในเดือนพฤษภาคม 2561เป็นการเสนอเรื่องเข้าโดยพลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติฯเวลานั้น

ผมเป็นสมาชิกร่วมประชุมในฐานะรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว พอดี

จากนั้นร่างกฏหมายป่าชุมชนก็ไปสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แล้วผ่านออกมาเป็นกฏหมาย(โดยมีองค์ประชุมถูกต้องเรียบร้อย)

นี่คือการเดินทางยาว28ปี ของกระบวนการป่าชุมชน ของไทย

เพียงแต่ยังเชื่อว่าการเดินทางนี้อาจจะยังไม่จบลง

เพราะนิยามป่าชุมชนตามกฏหมายนี้จะคุ้มครองเฉพาะป่าชุมชนที่ไม่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ไม่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ไม่อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่านะครับ

มีป่าชุมชนได้ในเขตป่าสงวน ในเขตที่ดินหลวง ที่ดินรัฐ ที่ดินราชพัสดุ ที่ดินรัฐวิสาหกิจทั้งหลาย

ซึ่งก็คงมีมากพอควรอยู่

การออกเดินต่อเรื่องหลักการป่าชุมชนจะสามารถมีในเขต
ป่าอนุรักษ์ได้หรือไม่คงมีการถกกันต่อไป

ตอนนี้ เรามาช่วยกันสนับสนุนป่าชุมชนในเขตต่างๆตามกฏหมายให้สามารถบรรลุเป้าหมาย สร้างความไว้วางใจในหลัก คนอยู่กับป่ากันต่อให้ได้อย่างมั่นคงกันครับ