“ทักษิณ” ย้ำกลับไทยตามไทม์ไลน์เดิม ส่วนจะติดคุกหรือไม่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แนะพรรคก้าวไกลหาเสียง “ส.ว.” หนุนโหวตนายกฯ หวั่นรัฐบาล 376 เสียง โดนข้อหาเผด็จการรัฐสภา

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยถึงการเดินทางกลับประเทศไทยผ่านการไลฟ์สดผ่านช่อง care คิด เคลื่อน ไทย  โดยยืนยันว่า “บ้านผม ผมจะกลับไป มีอะไรไหม?” และการที่พรรคเพื่อไทยจะแพ้ชนะไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องกลับบ้าน ตนอยากไปเลี้ยงหลาน หลาน 7 คน วัยนี้เรียกว่าวัยรักลูกหลงหลาน จะมีความสุขมาก อยากกลับบ้าน อยากไปเลี้ยงหลาน ยืนยันกำหนดการเดิม ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนแปลง

“ผมไม่สนใจอะไรเลย Whatever will be, will be อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อยู่เมืองนอกมา 17 ปี มันก็เหมือนติดคุกใหญ่ เพราะเข้าบ้านตัวเองไม่ได้ อะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิด ชีวิตมันก็แค่นี้ อย่าไปคิดอะไรมาก ก็มันบ้านผมอ่ะ ผมจะกลับไป มีอะไรไหม?”

นายทักษิณ ยังได้แสดงความคิดเห็นครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง โดยระบุว่า กังวลการเมืองไทยยินดีกับพรรคก้าวไกลที่เป็นสมัย 2 แล้วขึ้นมาเป็นที่หนึ่งได้ถือว่าเก่งและในพื้นที่กรุงเทพถือสึนามิกวาดเกือบทุกพื้นที่

นายทักษิณ  กล่าวด้วยว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองปรับตัวเองให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งมองว่าพรรคเพื่อไทยพยายามทำแล้วแต่ยังไม่พอ แต่ก้าวไกลทำเหมือนบริษัทไม่จำเป็นต้องเนี๊ยบแต่ให้ถูกใจลูกค้า วันนี้เพื่อไทยต้องปรับตัวเอง

นายทักษิณ ยังระบุด้วยบางพรรคได้ส.ส.เขตมากแต่ปาร์ตี้ลิสต์นิดเดียวเรียกว่าพลังเงิน ความนิยมในพรรคไม่มีเลย ผลที่ได้คือได้คือรัฐบาลที่ไม่มีอำนาจต่อรอง ได้นักการเมืองที่เข้ามาแล้วหาเงินถึงเวลาเอาเงินไปซื้อเสียง เดี๋ยวนี้แพงกว่าเดิมเยอะเดี๋ยวนี้หัวละ 1,000 บาท ต้องใช้เงินมหาศาลแต่ผลสุดท้ายประชาชนเลือกตามใจชอบ

ส่วนกรณีที่เหตุที่เพื่อไทยโดนหนักเพราะโดนกระแสก้าวไกลสู้และพรรคที่มีเงินซื้อ โดนทั้งกระแสกระสุนพร้อมกัน รอดมาได้ 112 เขตถือว่าหลวงพ่อดี ระบุด้วยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คนที่อยู่มานานแต่ทิ้งพื้นที่ทำให้ประชาชนไม่เอาแม้กระแสพรรคดี ยอมรับว่ากระแสพรรคดีก่อนที่แพทองธารจะลาคลอด

นายทักษิณ ย้ำเรื่องกรณีกระแสข่าวเพื่อไทยมีดีลลับกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยระบุว่าเป็นกระบวนการไอโอเริ่มตั้งแต่เลือกตั้ง ตนเองกับพลเอกประวิตร มีการตกลงกัน ซึ่งถึงแม้พูดชัดว่าไม่เอา 2 ลุง ก็ยังไม่เชื่อ และวันนี้ยังมีไอโอต่อเนื่องว่าดีลแข่งกับเพื่อทย ทั้ง ๆที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ,  นายเศรษฐา ทวีสิน และนายชลน่าน ศรีแก้ว ได้ประกาศชัด ตนเองอยู่เมืองนอกตั้งนาน งงดีลลับอะไร พรรคเพื่อไทยมาจากไทยรักไทย วางวัฒนธรรมองค์กรต้องมีสปีริต หัวใจของประชาธิปไตย

“อย่าไปอยากเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเงินเตรียมเลือกตั้งอย่างเดียวฉิบหายทั้งประเทศ ตรงไปตรงมาดีที่สุด ยืนยันเราซื่อไปจนซื่อบื้อ วัฒธรรมไม่พูดใส่ร้าย  ท่าทีเพื่อไทยมีน้ำใจนักกีฬาสูง ถึงแม้ไม่เป็นพรรคร่วมก็จะยกมือให้” และมองว่า ผู้สูงอายุทางการเมืองต้องหลบไปวันนี้ต้องหลบไปวันนี้ไม่ใช่ยุคของเรา ชื่นชมนายพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่พูดจาฉะฉาน ปากเป็นเอก

อดีตนายกรัฐมนตรี ยังยังวิเคราะห์ถึง 2 ลุงหลังการเลือกตั้ง ว่าการแพ้ชนะเป็นเรื่องของกีฬา ต้องแนะนำว่าทั้ง 2 ท่านอายุเยอะแล้ว ผ่านตำแน่งมาเยอะ ฐานดีมากแล้วน่าจะให้เด็กรุ่นหลังมาทำดีกว่า  ขนาดตนเองพยายามปรับตัวยังไม่ทันเด็ก

นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว. ว่า คิดว่าส.ว.บางส่วนมีอิสระ บางส่วนมีสังกัด ถ้าโหวตไม่ถึงมีวิธีแก้ 2 อย่าง คือ 1 ไปขอร้องส.ว. หรือไปเอาพรรคมร่วมให้ครบ 376 เสียง ส่วนข้อเสนอที่ให้ ส.ส.แต่ละพรรคโหวตให้ใครก็ได้ มองว่าเป็นเรื่องสปีริตแต่เป็นเรื่องยาก

นายทักษิณ ระบุด้วย มีทางออกไม่มีอะไรไม่มีทางออก แต่แพทองธาร ย้ำกับตนเองว่า มาอันดับ 2 ยังไงก็ต้องมีน้ำใจนักกีฬา ไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง  พรรคแกนนำต้องวางยุทธศาสตร์ ส่วนพรรคอันดับสองมีหน้าที่สนับสนุน

ส่วนกรณีที่นายพิธามีประเด็นถูกร้องเรื่องถือหุ้นไอทีวีและหากถูกติดสิทธิ์ นายทักษิณมองว่า การเมืองมีทางออก แต่ส่วนตัวหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น แต่หากสมมุตเกิดอุบัติเหตุพรรคก้าวไกลจ  คงต้องตกไปที่พรรคที่ 2 ซึ่งก็คือพรรคเพื่อไทย

อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยฟังเลือกตั้งครั้งนี้ เขตทหารก้าวไกลชนะทั้งหมด ส่งสัญญาณว่าทหารผู้น้อยไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตความเป็นอยู่ส่งไปถึงกองทัพและการใช้อำนาจที่เกินกว่าเหตุเป็นสิ่งที่สังคมไทยไม่รับ สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ต้องศึกษาว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนอย่าฝืนการเปลี่ยนแปลง พรรคการเมือง นักการเมือง รวมถึงองค์กรใช้อำนาจ

ส่วนความพยายามในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย นายทักษิณมองว่าไม่คิดว่ามีคนทำรัฐบาลเสียงข้างน้อย ถึงทำแล้วก็ไม่สำเร็จ เสียเวลาบ้านเมือง สร้างความเสียหาย และดีไม่ดีเป็นรัฐบาลที่ต่างประเทศไม่รับรอง มองว่าวันนี้ไม่เกิด

ขณะนี้ฝากความหวังไว้ที่ 2 ด่าน กกต.คิดอย่างไรกับคำร้องถือหุ้นสื่อของนายพิธา  และเสียงของส.ว.บางส่วนจะโหวตให้รือไม่  ส่วนกรณีการไปรวบรวมพรรคร่วมรัฐบาลให้เสียง 376 มองว่าไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลที่โตขนาดนั้น ไม่มีประโยชน์ เสียประโยชน์และฝ่ายค้านก็จะไม่มีพลัง