“เฉลิมชัย” ประกาศสร้างเอกภาพในพรรคกับทุกรุ่น เชื่อถ้าพรรคมีเอกภาพจะนำสิ่งที่สูญเสียกลับมาได้

เมื่อเวลา 18.40 น. วันที่ 9 ธันวาคม ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปิดประชุมใหญ่วิสามัญว่า ในนามของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทั้งหมด โดยขอบคุณนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ และสมาชิกพรรครวมทั้ง นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ที่อยู่กันด้วยความผูกกัน

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า มีข่าวดีและข่าวร้ายแจ้งให้กับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ข่าวดีคือขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ส่วนข่าวร้ายคือต้องทำงานหนักตั้งแต่นี้เป็นต้นไป และตนขอให้คำมั่นสัญญากับพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ว่า กรรมการบริหารพรรคชุดนี้จะยึดมั่นในอุดมการณ์ และหลักการของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีความเป็นอะไหล่ให้กับพรรคไหน และการเริ่มต้นที่สำคัญของพรรคประชาธิปัตย์คือการขับเคลื่อนพรรค คือเริ่มทำทันที ทั้งในส่วนของพรรคและสภา โดยในส่วนของสภาที่จะมีการเปิดประชุมในวันที่ 12 ธันวาคม

“ผมจะทุ่มเททุกอย่างให้ประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านที่สมบูรณ์ และเข้มแข็งที่สุด และเชื่อมั่นว่าเรามีความเป็นเอกภาพ เราสามารถนำสิ่งที่สูญเสียกลับมาได้” นายเฉลิมชัยกล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ กล่าวภายหลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า แนวทางในการฟื้นฟูพรรคอันดับแรกว่า ต้องสร้างความเป็นเอกภาพภายในพรรค โดยขอให้ทุกคน ทุกรุ่นมาช่วยกัน เพราะประชาธิปัตย์มีผู้สนับสนุนทุกรุ่น ฉะนั้นทุกกลุุ่มวันนี้หากเรามาร่วมมือกันทำก็สามารถเริ่มต้นได้และคณะทำงานต่างๆของคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ต้องพร้อมทำงานทันที และต้องนี้การประเมินผลทุกๆ3 เดือน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีการพูดคุยกันเมื่อคืนวันที่8 ธ.ค. และตนเพิ่งตัดสินใจรับที่จะเป็นหัวหน้าพรรคตอนเวลา 22.00 น.ในคืนดังกล่าว โดยการประเมินผลไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงื่อนไขข้อบังคับพรรค คุณสมบัติการเปิดกว่าง ยุทธศาสตร์ พรรค นโยบายพรรค รวมทั้งการสื่อสารกับมวลชนตามโซเชียลต่างๆ

“ ฉะนั้น3 เดือนแรกผมได้บอกแล้วว่าต้องมีอะไรที่เป็นรูปธรรมให้เห็นว่าประชาธิปัตย์มีการเปลี่ยนแปลงจริง ผมคิดว่าวันนี้คนประชาธิปัตย์ยังรักพรรค ผมหวังอย่างยิ่งว่าเราจมาช่วยกันสร้างพรรค”

นายเฉลิมชัย ยังกล่าวถึงการพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคว่าตนได้เรียนกับนายอภิสิทธิ์ว่าไม่ออกได้หรือไม่ แต่ท่านบอกว่าเพื่อให้ท่านสบายใจและไม่ถูกวิจารณ์ว่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการทำงานของคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งตนก็ต้องเคารพการตัดสินใจของท่าน แต่ท่านก็ยังบอกว่าท่านพร้อมจะกลับมา ซึ่งตนก็พร้อมและยินดีอยากให้ท่านกลับมา

“ผมกับท่านอภิสิทธิ์ไม่มีปัญหาขัดแย้งอะไรกันสักนิดเดียว ผมยังพูดเหมือนเดิมว่ามองตาก็รู้ใจ ผมทำงานกับท่านมานานจนกระทั่งเรารู้ใจซึ่งกันและกัน เพียงแต่ว่าการพูดกันในวันนี้เป็นการพูดเปิดในสิ่งที่ผมเจออะไร แล้วท่านคิดอะไร ก็มาแลกเปลี่ยนกันตรงนี้ ซึ่งการตัดสินใจลาออกจากพรรค ผมคิดว่าท่านตัดสินใจมาแล้ว เพียงแต่เราได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งท่านก็เข้าใจ ผมก็เข้าใจ และเชื่อว่าทั้งท่านและผมกรีดเลือดออกมาเป็นสีฟ้า ผมรักพรรค ท่านรักพรรค”

นายเฉลิมชัย  กล่าวว่า มาวันนี้มาแค่เพื่อแก้วิกฤตของพรรค ให้พรรคเดินไปได้ และเป็นการประกาศชัดเจนว่าประชาธิปัตย์จะมีการปรับเปลี่ยน เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่และคนนอกเข้ามาพรรคมากขึ้น นี่คือสิ่งที่เป็นความตั้งใจของตน

เมื่อถามว่าการพูดกับนายอภิสิทธิ์เกี่ยวกับการเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ จนทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องลาออก นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ไม่ได้คุยรายละเอียดตรงนั้น แต่ตนได้บอกกับที่ประชุมว่าขอให้เชื่อมั่นว่าตนอยู่พรรคมา22 ปี หลักการและอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยน และตนเป็นคนที่เคร่งครัด รักษาหลักการ และอุดมการณ์ของพรรคมาตลอด นี่คือสิ่งที่ตนยืนยันได้ว่า หากใครบอกว่าประชาธิปัตย์ไม่มีจิตวิญญาณแล้ว ตนขอให้มองประชาธิปัตย์ด้วยใจที่เป็นธรรม วันนี้ตนตอบคำถามตรงนี้ได้ แต่วันหน้าตนไม่สามารถเดาได้ ขอยืนยันว่าวันนี้ประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านและวันที่ 12 ธ.ค. มีการเปิดสมัยประชุมสภา เราจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่สมบูรณ์และเข้มแข็งที่สุด

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าประชาธิปัตย์จะไม่ไปร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่าตอนนี้เราเป็นฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เมื่อถามอีกว่าแสดงว่าในอนาคตหากมีการทาบทามหรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองพรรคก็พร้อมจะไปร่วมใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า เราต้องนึกถึงประโยชน์ของประเทศชาติและพรรค ไม่ใช่ตัวบุคคล ตนเรียนเลยว่าไม่มีการตัดสินใจง่ายๆ เด็ดขาด และสิ่งที่ตนจะบอกทุกท่านคือตนมาทำภาระกิจให้พรรคเพื่อให้พรรคเดินไปข้างหน้าได้ ฉะนั้นตนพูดไว้ตรงนี้ได้เลยว่าพรรคะต้องเดินไปข้างหน้าก่อน ส่วนในอนาคตจะเป็นอย่างไรไม่มีใครเดาได้ แต่หลักการและอุดมการณ์ของพรรคต้องอยู่

เมื่อถามว่าในวันประชุมใหญ่ก็มีการลาออกถึง 2 คน ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสาธิต ปิตุเตชะ และอีก 4 เสียงไม่ได้มีมติให้เป็นหัวหน้าพรรคจะมีแนวทางสร้างเอกภาพอย่างไร นายเฉลิมชัยกล่าวว่าตนจะพยายามให้เต็มที่ ตนจะคุยกับทุกฝ่ายว่าวันนี้จะขอให้ทุกท่านมาช่วยกัน ส่วนผู้อาวุโสในพรรคทั้งนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ก็ต้องไปพูดคุยเพราะท่านเป็นปูชนียบุคคล เราต้องไปปรึกษาท่านอยู่แล้ว และตนเชื่อว่าไม่มีใครรักพรรคน้อยกว่าใคร

เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ว่าพรรคจะยิ่งแตกและสนามชิกจะยิ่งไหลออก นายเฉลิมชัยกล่าวว่าเมื่อตนตัดสินใจมาอยู่ตรงนี้ก็ไม่กลัว เพราะเชื่อว่าทุกคนต้องมีเหตุผลและอยู่ที่ว่าเรารักพรรคจริงหรือไม่

เมื่อถามว่าที่ผ่านมานายเฉลิมชัยเคยบอกว่าจะเลิกเล่นการเมืองแล้วการกลับมาครั้งนี้เหมือนเป็นการกลับกลอกหรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่าปัญหานี้ตนให้สัมภาษณ์ไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ถ้าท่านต้องคำตอบต้องถาม สส.และกรรมการบริหารพรรค เชื่อว่าทุกคนพร้อมตอบเพราะมันคือข้อเท็จจริง และใครจะคิดอย่างไรตนไม่รู้ แต่สำหรับตนคิดว่าได้ตอบชัดเจนแล้ว และสิ่งที่เกิดขึ้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ตนก็ไม่ได้ปัดเรื่องนี้

สำหรับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค มีรายชื่อดังนี้ 

1. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ประจำภาค) 2. ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (กรุงเทพมหานคร) 3. นายสมบัติ ยะสินธุ์ (ภาคเหนือ) 4. นายประมวล พงศ์ถาวราเดช (ภาคกลาง) 5. นายไชยยศ จิรเมธากร (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) 6. นายชัยชนะ เดชเดโช (ภาคใต้)

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ตามภารกิจ)7. นายนริศ ขำนุรักษ์ 8. นางสาวจิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร 9. พลตำรวจตรีสุรินทร์ ปาลาเร่ 10. นายนราพัฒน์ แก้วทอง 11. นายธารา ปิตุเตชะ 12. น.ต.สุธรรม ระหงษ์ 13. นายมนตรี ปาน้อยนนท์ 14. นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์

15. นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์

รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ 16. นางสาวสุพัชรี  ธรรมเพชร 17. นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ 18. นางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ 19. นายชนินทร์ รุ่งแสง 20. นายสมยศ พลายด้วง 21. นางกันตวรรณ ตันเถียร

เหรัญญิกพรรคประชาธิปัตย์ 22. นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ นายทะเบียนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 23. นายวิรัช ร่มเย็น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24. นายราเมศ รัตนะเชวง

หัวหน้าสาขาหรือตัวแทนพรรคประจำจังหวัด 25. นางขนิษฐา นิภาเกษม (ภาคเหนือ) 26. นางสาวน้ำฝน หอมชาลี (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) 27. นายชวลิต รัตนสุทธิกุล (ภาคกลาง) 28. นายสุรศักดิ์ วงค์วนิช (ภาคใต้) 29. นายชยิน พึ่งสาย (กรุงเทพมหานคร)

ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่น 30. พันตำรวจเอกภิญโญ ป้อมสถิตย์ 31. นายวงศ์วชิระ ขาวทอง 32. นายไพเจน มากสุวรรณ์

กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ 33. นายประกอบ รัตนพันธ์ 34. นายเมฆินทร์  เอี่ยมสอาด 35. นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร 36. นายสมชาติ ประดิษฐพร 37. ดร.ยูนัยดี วาบา 38. นางสาวพลอยทะเล ลักษมีแสงจันทร์ 39. นางสาวปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ 40. ดร.เจนจิรา รัตนเพียร

คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

1. นายนริศ ขำนุรักษ์ 2. นายนราพัฒน์ แก้วทอง 3. นางกันตวรรณ ตันเถียร 4. นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์

5. นางสาวปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ 6. นางสาวมรกต อิสระเสนารักษ์ 7. นายเจริญไชย ไชยกอ 8. นายจิตติ เชิดชู

9. นายณัฎฐเดช แก้วเรือง 10. นายสัมพันธ์ ภูแป้ง 11. นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร