ครม.นอกสถานที่ จ.ระนอง อนุมัติงบให้ 6 จังหวัด 13 โครงการ มูลค่า 350 ล้านบาท นายกฯยืนยันทุกเสียงของประชาชน รัฐบาลพร้อมรับฟังเพื่อให้ได้ความกระจ่างในการทำโครงการ Land bridge

ที่ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง  จ.ระนอง ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงภารกิจที่ได้เดินทางมาจังหวัดระนองและการประชุม ครม. อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในครั้งนี้https://www.youtube.com/embed/zsr4uipbMxQ?feature=oembed

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงกรณีเมื่อวาน (วันที่ 22 มกราคม 67) ที่นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่เกาะพยาม เพื่อนำร่องสร้างสะพานข้ามคลองให้แก่เด็กชาวมอร์แกนให้สามารถเดินทางไปโรงเรียนได้  รวมทั้งกล่าวถึงภารกิจในช่วงเวลาบ่ายที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเล อ่าวไทย – อันดามัน (Land Bridge ชุมพร – ระนอง) ที่จะทำให้ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดระนองและชุมพร เจริญมากยิ่งขึ้น  มีการสร้างงาน และสร้างรายได้ พร้อมศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและรับหนังสือร้องเรียนจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและจะมีการพูดคุยกันต่อไป

สำหรับภารกิจสุดท้ายของเมื่อวานนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมชมการบริหารจัดการบ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน ณ บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน อ.เมืองระนอง จ.ระนอง เพื่อส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบ่อน้ำแร่ร้อนดังกล่าว เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งนี้ยังมีบางเรื่องที่ยังขาดอยู่ที่จะต้องมีการดำเนินการ เช่น ผลประโยชน์ของน้ำพุร้อนคืออะไร มีสารอะไรบ้างที่ให้คุณประโยชน์กับร่างกาย โดยได้มีการสั่งการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปทำการบ้านเพิ่มเติมแล้ว

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 จ.ระนอง ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการของกลุ่ม 6 จังหวัด 13 โครงการมูลค่า 350,000,000 บาท จังหวัดละ 50,000,000 บาท และโครงการตามข้อเสนอของภาคเอกชน 5 โครงการมูลค่า 202,000,000 บาท โดยให้ใช้งบประมาณปี 2566 งบกลางไปพลางก่อน

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นกับครูในการอยู่เวรว่า ครม. ได้พิจารณายกเว้นมติ ครม. เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2542 ซึ่งผ่านมากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนไป โดยให้มีการยกเลิก ยกเว้นให้มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะรับไปพิจารณา

รวมทั้งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าได้มีการสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศ ในเรื่อง public safety ให้มีการเร่งจัดหางานเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงของกลุ่มวัยรุ่นที่เริ่มมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม

พร้อมทั้งนายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้กระทรวงการท่องเที่ยวให้มีการจัดการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวของไทย กัมพูชา เวียดนาม ลาว และมาเลเซีย โดยมีไทยเป็นผู้นำเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงประเด็นสุดท้ายที่ได้มีการหารือกันคือเรื่อง พ.ร.บ. ประมง โดยจะมีการชี้แจงกับ 14 ชาวประมง ซึ่งที่ประชุม ครม . ได้มีมติเห็นชอบในหลักการแต่ยังต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมาย และเร่งรัดให้มีการนำเข้าที่ประชุม ครม. พิจารณาในอาทิตย์หน้า

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับมอบกระเช้าดอกไม้และของที่ระลึกจากตัวแทนกลุ่มประมง 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อขอบคุณในการเร่งรัดการนำร่าง พ.ร.บ. ประมง เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย

ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์การศึกษาจังหวัดระนอง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับหนังสือจากกลุ่มผู้คัดค้านโครงการ Land bridge ด้วยตนเอง โดยนายกรัฐมนตรีย้ำถึงกรณีหลายคนมีข้อสงสัยเรื่องของการศึกษาโครงการ Land bridge มีความครอบคลุมหรือมีอิสระหรือไม่ และดูแลครบทุกมิติหรือไม่ว่า

การดำเนินดังกล่าวไม่ใช่แค่โครงการ Land bridge เท่านั้น แต่รวมถึงอุตสาหกรรมที่จะต่อเนื่องในอนาคตด้วย ตลอดจนการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของภาคประชาคม  ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันรับฟังทุกความคิดเห็นและจะนำไปพิจารณาเพื่อประกอบการทำเอกสารศึกษาเพื่อให้ทุกฝ่ายได้มีความกระจ่างในจุดประสงค์ของการทำโครงการ Land bridge รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาคใต้ นอกเหนือจากโครงการ Land bridge ซึ่งมั่นใจว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว การสร้างสนามบินอันดามันที่จังหวัดพังงา ซึ่งเราได้ดำเนินการแล้ว

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงเรื่องการประมงซึ่งได้มีตัวแทนกลุ่มประมง 14 จังหวัดภาคใต้ เดินทางมาขอบคุณที่จะมี พ.ร.บ. ประมง โดยจะนำเข้าสู่ที่ประชุม

คณะรัฐมนตรีพิจารณาในอาทิตย์หน้า ซึ่งจะทำให้ชาวประมงสามารถกลับมาค้าขายได้อีกครั้งหนึ่ง รวมไปถึงเรื่อง Soft power วัฒนธรรม กีฬาและอาหาร ก็ได้ถูกบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาลแล้ว ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าทุกเสียงของประชาชนจะถูกรับฟังอย่างดีจากรัฐบาลนี้