“อลงกรณ์ พลบุตร”ชี้เลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราชเขต3พิสูจน์3ศรัทธา ย้ำประชาธิปัตย์ยึดกติกาประชาธิปไตยสุจริตชูผลงานยุคทำได้ไวทำได้จริง มั่นใจรัฐบาลรักษาเสียงส.ส.ได้

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราชว่า เลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนครศรีธรรมราชเขต3จะเป็นการพิสูจน์3ศรัทธาของประชาชนคือศรัทธาต่อรัฐบาล ศรัทธาต่อพรรคและศรัทธาต่อผู้สมัครซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลจะยังสามารถรักษาเสียงส.ส.ได้เช่นเดิมเมื่อพิจารณาจากผลงานของรัฐบาลในช่วงวิกฤตการณ์โควิด19และวิเคราะห์จากผลการเลือกตั้งส.ส.ของนครศรีธรรมราชเขต3 ผู้สมัครในสังกัดรัฐบาลมีคะแนนอยู่ในอันดับที่1ถึง3โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.คือนายเทพไท เสนพงศ์

สำหรับยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์จะยึดกติกาการเลือกตั้งบนแนวทางสุจริตยุติธรรม มุ่งนำเสนอวิสัยทัศน์นโยบายและผลงานทั้งระดับชาติและจังหวัดในยุคทำได้ไวทำได้จริงภายใต้การนำของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคและนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค

ทั้งนี้ตนได้นัดประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคในวันพฤหัสบดีที่ 11 ก.พ.นี้เวลา14.00น.ที่สำนักงานใหญ่พรรคประชาธิปัตย์เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานสนับสนุนการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อมส.ส.ครั้งนี้โดยเน้นการเข้าถึงประชาชนทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์นำเสนอวิสัยทัศน์ใหม่ๆและผลงานพรรคจากอดีต ปัจจุบันและอนาคตเช่น
1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเช่นโครงข่ายถนนสี่เลน,รถไฟ4รางทางคู่ทั่วประเทศ การส่งเสริมการลงทุนในภูมิภาค การพัฒนาสนามบินและท่าเรือในภูมิภาค การขยายโครงข่ายไอซีที. โครงการพัฒนาเซาเทิร์นซีบอร์ดสู่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้(Southern Economic Corridor)และระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล
2.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ยกระดัยคุณภาพชีวิตและกระจายโอกาสลดเหลื่อมล้ำเช่นโครงการมหาวิทยาลัยในภูมิภาคโครงการนมโรงเรียน, โครงการอาหารกลางวันนักเรียน,กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) การเรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ, โครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ,เริ่มต้นค่าตอบแทน อสม.เดือนละ600บาท,ยกฐานะโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) การพัฒนาฝีมือแรงงานและคุณวุฒิวิชาชีพ การส่งเสริมการออม การส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศ(LGBT)
3.การพัฒนาทัองถิ่นชนบทและพัฒนาประชาธิปไตยฐานรากโดยนโยบายกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นยกฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากสภาตำบลเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) จากสุขาภิบาลเป็นเทศบาลและเลือกตั้งนายกอบจ.และสมาขิกสภาโดยตรงจากประชาชน
4.การพัฒนาเศรษฐกิจใหม่(New Economy)เช่นเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เศรษฐกิจBCG เศรษฐกิจบนฐานพลังงานหมุนเวียนเช่นโครงการเอทานอล
5.การลดความเหลื่อมล้ำโดยกระจายการถือครองที่ดินให้เกษตรกรและชุมชนโดยมาตรการโฉนดชุมชน
ธนาคารที่ดิน และการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกร
6.การปฏิรูปภาคเกษตรด้วยโครงการประกันรายได้เกษตรกร .การจัดตั้งและขับเคลื่อนศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม77จังหวัดเพื่ออัพเกรดภาคเกษตรด้วยวิทยาการและเทคโนโลยีโครงการประมงชุมชนและชลประทานชุมชนและการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรรายย่อยโดยกลไกกองทุนกฟก.ฯลฯ

“สำหรับวิสัยทัศน์ จังหวัดนครศรีธรรมราช คือนครแห่งอารยธรรม น่าอยู่ น่าเที่ยว การเกษตรและอุตสาหกรรมยั่งยืนซึ่งได้พัฒนาต่อเนื่องมีศักยภาพพร้อมทุกด้านที่จะต่อยอดให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาของภาคใต้ตอนกลางทั้งด้านการศึกษาการค้าการท่องเที่ยวโลจิสติกส์และเกษตรอุตสาหกรรม(Agroindustry)เช่นโครงการนิคมอุตสาหกรรมยาง(Rubber Valley) โครงการศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีเกษตรอาหารและผลไม้โดยมีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เป็นศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมที่ทีบทบาทสำคัญยิ่ง อนาคตของนครศรีธรรมราชเป็นหนึ่งเดียวกับอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอดและเป็นอีกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์จะขอโอกาสในการทำงานเพื่อสร้างอนาคตร่วมกันกับพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชด้วยวิสัยทัศน์และการทำงานแนวใหม่โดยคนรุ่นใหม่คือนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์เป็นตัวแทนพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด