“ชลน่าน ศรีแก้ว”นั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมตั้ง “แพทองธาร ชินวัตร” ที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรค

พรรคเพื่อไทย ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น ในหัวข้อ “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ซึ่งจะเป็นการปลุกความหวัง คืนความฝันให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง โดย ‘สมพงษ์ อมรวิวัฒน์’  ส.ส.เชียงใหม่และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กล่าว  ได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นในจิตวิญญาณและจุดยืนประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย รวมทั้งบุคลากรซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถและมีศักยภาพ ในการสร้างประชาธิปไตยที่กินได้อีกครั้ง แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ สร้างความเชื่อมั่นและศักดิ์ศรีของประเทศให้กลับคืนมาอีกครั้ง เหมือนกับที่พี่น้องประชาชนไว้วางใจและสนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอันดับหนึ่งมาตลอด

สมพงษ์ เชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมเดินหน้าไปในทิศทางที่มุ่งให้ความสำคัญในการสร้างพลังแห่งอนาคตให้กับประชาชน สร้างโอกาสและพัฒนาศักยภาพในการรู้ คิดทางปัญญา คืนศักดิ์ศรีและเสรีภาพประชาชน สร้างวันพรุ่งนี้ให้เป็นอนาคตและความหวังของคนไทยทุกคน การจัดงานประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทยวันนี้ได้ผ่านการคิดอ่านและทำงานนโยบายมาเป็นแรมเดือน ถือได้ว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ธีมของคนหนุ่มแข็งแกร่งสำหรับอนาคตที่จะก้าวไปข้างหน้า จึงขอใช้โอกาสนี้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ เข้ามาทำหน้าที่ โดยจะขอสนับสนุนการทำงานของพรรคด้านอื่นๆ ต่อไป

ขอขอบคุณ คณะ กก.บห. ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันนำพาพรรคมาถึงจุดนี้บนเส้นทางประชาธิปไตย ซึ่งพรรคได้มีการปรับเปลี่ยนให้มีทีมที่ปรึกษาและคณะทำงานที่เป็นคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานมากขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นแนวทางที่พรรคจะนำความหวัง อนาคตที่สดใสและความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง โดยมีการแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาของพรรค ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เข้ามารับตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย

ขณะที่ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอบคุณหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคที่ได้มีการแต่งตั้งในครั้งนี้ โดยจะเป็นการเชื่อมต่อระหว่างรุ่นต่อรุ่นและความเข้าใจในแต่ละรุ่นให้มีความเข้าใจกันมากขึ้น ทั้งความคิด วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมมีความสำคัญ มนุษย์ทุกคนที่อยู่ร่วมกันจะต้องมีความเข้าใจพื้นฐานทางความคิดของกันและกัน เราต้องพยายามเข้าใจรุ่นที่ไม่ใช่รุ่นเดียวกับเรา ความเข้าใจนี้จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ด้วยความเข้าใจ และพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนจะต้องเป็นตัวแทนของคนทุกรุ่นทุกวัยด้วย

ทุกวันนี้เทคโนโลยีผ่านไปเร็วมาก มีนวัตกรรมต่างๆ มากมาย ในขณะที่เรานั่งอยู่ในที่นี้ นักวิทยาศาสตร์จากทุกมุมโลกกำลังคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ แต่คนไทยกำลังพลาดในสิ่งใหม่ๆ เหล่านั้นและเด็กรุ่นใหม่ยังรู้สึกว่าพลาดโอกาสในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามา โดยพวกเขาไม่มีโอกาสไขว้คว้าเทคโนโลยีนั้นได้สักที

“ตัวดิฉันค่อนข้างโชคดีที่ได้ใกล้ชิดกับคุณพ่อ เพราะช่วงที่เกิดมาเป็นช่วงที่คุณพ่อประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้วและมีเวลาให้มากกว่าพี่ๆ เมื่อท่านไปอยู่ต่างประเทศก็มีเวลาไปหาบ่อยๆ ทุกเดือนหรือแทบจะเดือนเว้นเดือน ไปทุกครั้งก็ได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และได้รับรู้ความรู้สึกของคุณพ่อที่เป็นรุ่นเบบี้บูมเมอร์ แต่ท่านซึ่งสนใจเทคโนโลยีใหม่ ก็จะมีข้อมูลมาอัพเดทอยู่เสมอ หรือมีนักวิทยาศาสตร์เข้ามาคุยงานหรือธุรกิจ ก็ได้พูดถึงเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปมาก จึงรู้สึกว่าเสียดายที่คนไทยไม่มีโอกาสไขว้คว้าเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เหล่านั้น จึงบอกกับตัวเองว่า ความรู้และโอกาสที่มีมานั้น อยากเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อผลักดันคนรุ่นใหม่ให้มีโอกาส มีความหวังและทำฝันให้เป็นจริง” 

จากที่ได้สัมผัสการเมืองมาตั้งแต่ 8 ขวบ ตั้งแต่พ่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่เป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม และต่อมาก็ได้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีโอกาสได้ติดตามลงพื้นที่ต่างจังหวัดและไปร่วมประชุมเอเปกในต่างประเทศ  ตลอดเวลาแปลกใจและสงสัยว่า ทำไมท่านถึงทุ่มเททำงานโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือท้อแท้บ้าง แต่วันนี้เข้าใจแล้วว่าการไปพบและแก้ไขปัญหาช่วยพี่น้องประชาชนนั่นคือกำลังใจที่แท้จริงของท่าน

แม้ตนจะศึกษาจบจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ก็ได้เลือกเรียนต่อต่างประเทศด้านธุรกิจ เพราะไม่เคยคิดจะเป็นนักการเมือง เพียงแต่อยากให้คนรุ่นใหม่มีโอกาส เพราะภายใต้วิกฤต ทำให้เขาไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปทางไหน จึงคิดว่าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นพรรคการเมืองหลักและมีโอกาสเข้ามาแก้วิกฤตต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการเมือง วิกฤตสังคมและที่สำคัญคือวิกฤตทางโอกาสของคนรุ่นใหม่ จึงตอบรับเป็นที่ปรึกษาของพรรคเพื่อไทยในด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และตั้งใจอยากใช้ประสบการณ์ที่มีเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยเพื่อพัฒนาโอกาสคนรุ่นใหม่ ให้มีความหวัง มีความฝันและทำความฝันให้เป็นจริง

สิ่งที่ต้องปฏิรูปมี 3 เรื่องหลักๆ คือ 

1. การปฏิรูปการศึกษา ที่ในปัจจุบันการบริหารจัดการยังด้อยกว่าประเทศอื่นๆ มาก เพราะการเข้าถึงเทคโนโลยียังน้อยมากๆ 

2. การปฏิรูปเทคโนโลยีที่ต้องเข้าถึงให้ได้มากกว่านี้ เพราะเรื่องนี้อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ซึ่งคุณพ่อเคยบอกว่าเด็ก  10 ขวบจะต้องเรียนรู้การเขียนโปรแกรมได้แล้ว อีกทั้งเทคโนโลยีต่างๆ จะต้องรับรู้และเข้าถึง วันนี้คนไทยยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งเหตุการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเรียนออนไลน์ซึ่งไม่มีความพร้อมและประชาชนจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ตและรัฐจะต้องลงทุนให้ประชาชนเข้าถึงมากกว่านี้

3. ต้องส่งเสริมซอฟต์เพาเวอร์อย่างจริงจัง เหมือนญี่ปุ่นหรือเกาหลี ที่ทำมานานแล้ว โดยสิ่งสำคัญที่จะต้องมีคือ เสรีภาพทางความคิด ดังนั้นผู้นำของประเทศจะต้องมีหัวใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งซอฟต์เพาเวอร์ของคนรุ่นใหม่ จะมีทั้งเรื่องการกีฬา ออกแบบ การเขียนโปรแกรมต่างๆ ทั้งเกม บล็อกเชน บิตคอยน์ ที่จะต้องส่งเสริมให้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่และสร้างกรอบความคิดความเข้าใจให้คนรุ่นใหม่รู้ว่าโลกทั้งใบคือโอกาสของเขา ถึงเวลาแล้วที่เราต้องก้าวไปข้างหน้า เพราะเทคโนโลยีก้าวเร็วกว่าเรามาก เรายังมีศักยภาพ มีคนรุ่นใหม่อีกมากที่ยังไม่มีโอกาสอย่างเต็มที่ เรามาช่วยกันผลักดันให้โอกาสเขากันเถอะเพราะเขาคืออนาคตของเราและเราต้องการให้ประเทศของเราเจริญก้าวหน้าต่อไป

“ขอขอบคุณผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยทุกท่าน ดิฉันคิดว่าแนวคิดเหล่านี้จะพัฒนาให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง เป็นพรรคของประชาชนทุกรุ่น ทุกวัย ทุกฐานะทางสังคมและทุกภาคส่วน ไม่ว่าคนไทยจะคิดต่างกันอย่างไร เราทุกคนล้วนเป็นคนไทยด้วยกันและอยากเห็นประเทศของเราเจริญก้าวหน้าต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุน จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ในฐานะที่ปรึกษา แม้จะไม่ใช่นักการเมืองแต่ก็ขอมุ่งมั่นตั้งใจทำงานด้วยใจจริงในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ในฐานะลูกของคุณพ่อที่ไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมพี่น้องคนไทยที่ไม่เคยลืมท่าน และท่านก็ปรารถนาอย่างมากที่จะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง กลับมากราบผู้มีพระคุณ” ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย กล่าว

โดยที่ประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยได้ลงมติเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จำนวน 23 คน ดังนี้

1. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค

2. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรค

3. นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค

4. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค

5. นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค

6. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค

7. นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ รองเลขาธิการพรรค

8. นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ รองเลขาธิการพรรค

9. นางมนพร เจริญศรี รองเลขาธิการพรรค

10. นายคุณากร ปรีชาชนะชัย รองเลขาธิการพรรค

11. นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการพรรค

12. นายนพ ชีวานันท์ รองเลขาธิการพรรค

13. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค

14. นางสาวอรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรค

15. นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เหรัญญิกพรรค

16. นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนสมาชิกพรรค

17. นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค

18. นางสาวณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรค

19. นางสาวจิราพร สินธุไพร กรรมการบริหารพรรค

20. นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล กรรมการบริหารพรรค

21. นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารพรรค

22. นางสาวกิตติ์ธัญญา  วาจาดี กรรมการบริหารพรรค

23. นางสาวธีราภา ไพโรหกุล กรรมการบริหารพรรค

‘นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว’ แถลงภายหลังรับตำแหน่งว่า วันนี้ประเทศชาติกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตโรคระบาด วิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตศรัทธาประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชนถูกคุกคาม สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากการไร้ประสิทธิภาพ ไร้วิสัยทัศน์ ขาดความเข้าใจในปัญหาของรัฐบาล ทำให้แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ไม่เข้าไปอยู่ใจกลางของปัญหา แก้ปัญหาแบบขายผ้าเอาหน้ารอด โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายอันใหญ่หลวงที่จะติดตามมา ส่วนหนึ่งเพราะรัฐบาลนี้ขาดความรู้ ขาดประสบการณ์ ขาดข้อมูลข้อเท็จจริงที่จะใช้ในการแก้ปัญหาจนเกิดความเสียหายซ้ำซาก

“วันนี้พรรคเพื่อไทย ผมและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ , คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางทางการเมือง คณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย พร้อมระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วน ด้วยประสบการณ์และสติปัญญาที่พวกเราได้รับการสั่งสมจากอดีตตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนจนถึงพรรคเพื่อไทย ผสมผสานกับความสามารถและสติปัญญาอันเป็นเลิศของผู้คนในปัจจุบัน มาเป็นพลังเข้มแข็งนำพาประเทศและพี่น้องก้าวข้ามวิกฤตที่กำลังที่เกิดขึ้น เพื่อไปสู่อนาคตที่สดใสในวันพรุ่งนี้” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่น เอาจุดแข็งของพวกเราคือองค์ความรู้ บวกกับความกระตือรือร้นและมันสมองอันเป็นเลิศของคนรุ่นใหม่ มารวมประสานกันเพื่อหาทางออกและแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ โดยเฉพาะเรื่องสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยที่มีระบบเผด็จครอบงำปิดกั้นสมองและความคิดสร้างสรรค์ ไร้สิทธิเสรีภาพที่จะคิด ไร้อิสระที่จะแสดงความเห็น จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะทลายทลวง และระเบิดพลังสมองคนรุ่นใหม่ออกมาเพื่อเป็นประโยชน์ให้ประเทศชาติ

เราจะไม่มีข้อสัญญา แต่เราจะทำงานทันที พรรคเพื่อไทยพร้อมเดินหน้าสานต่อภารกิจตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน ให้เป็นไปตามคำขวัญที่ว่า #พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน และ #พรุ่งนี้เพื่อไทย #เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน เราจะเริ่มทันที พรุ่งนี้ไม่ใช่การผลัดวันประกันพรุ่ง แต่พรุ่งนี้หมายถึงอนาคตที่เราจะสร้างในปัจจุบัน เพื่อให้เห็นภาพอนาคตที่แท้จริง

พรรคเพื่อไทย พร้อมทำงานพร้อมกับพี่น้องประชาชนเพื่อนำพาออกจากวิกฤตโดยเร็ว แสดงพลังของพี่น้องตามแนวทางประชาธิปไตย สะท้อนเจตนารมณ์และจะนำเจตจำนงค์ของพี่น้องมาขับเคลื่อนในทุกมิติ  ที่สำคัญเราจะทลายอำนาจเผด็จการที่แฝงเร้นอยู่ในรัฐธรรมนูญ ตราบใดผู้ถืออำนาจวันนี้ยังอยู่ก็จะยังมีเผด็จการซ่อนรูปอยู่ พรรคเพื่อไทยมิอาจนิ่งเฉยได้ วันนี้พรรคเพื่อไทย จึงอาสาปลดทุกข์ เพิ่มสุข สร้างอนาคตให้พี่น้อง เราพร้อมแบกรับภารกิจสำคัญด้วยความเต็มใจยิ่ง เพื่อสร้างพรุ่งนี้ เพื่อชีวิตใหม่ที่ดีกว่า เพื่อพี่น้องประชาชน

สำหรับ ‘นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีประวัติการทำงานและเส้นทางทางการเมืองที่น่าสนใจ ดังนี้

การศึกษา : คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสร์

การทำงาน : เริ่มต้นเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลเวียงสา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนาหมื่น , โรงพยาบาลนาน้อย และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จังหวัดน่าน 

ประสบการณ์การเมือง : เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน 5 สมัย

ส.ส.น่าน พรรคไทยรักไทย (2544 , 2548) 

ส.ส.น่าน พรรคพลังประชาชน (2550)

ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (2557 , 2562) 

อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (2547)

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (2548)

อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (2555)

ได้รับการยกย่องจากสื่อมวลชนในการทำหน้าที่ ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎร ให้เป็น “ดาวสภา” (2552)