“ศิธา-ประภัสร์” นำทีมแยก 3สาย ประชันความเร็วความสะดวกสบาย และค่าโดยสาร นั่งรถไฟฟ้ารถเมล์รถแท็กซี่ จากดอนเมืองเข้าสู่อนุสาวรีย์ชัยฯ

พรรคไทยสร้างไทย โดยน.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 11 พร้อมด้วยนายประภัสร์ จงสงวน ผู้อำนวยการเลือกตั้ง กทม. นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรค และทีมไทยสร้างไทย ลงพื้นที่สำรวจการเดินทางรถสาธารณะผ่านบริการสาธารณะจากสถานีรถไฟฟ้าดอนเมือง ไปยังสถานีรถไฟฟ้าอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 11 กล่าวว่าการเดินทางของพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ มีค่าใช้จ่ายสูงมาก เมื่อเทียบกับรายได้ โดยเฉพาะระบบรางสาธารณะรถไฟฟ้าที่ควรจะเป็นทางเลือกที่พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้ แต่ผู้มาใช้บริการกลับเป็นคนเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป อีกทั้งการใช้บริการรถไฟฟ้ามีความยุ่งยาก เพราะต้องต่อถึง 3 สายจากดอนเมือง เพื่อเข้าไปสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ต้องเสียค่าบริการรวมทั้งสิ้นกว่า 85 บาท/คน

“การคำนวณทุกวันนี้ สามารถตีมูลค่าได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ที่หากค่าโดยสารรถไฟฟ้ามีราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้ และต้องมีความสะดวกมากที่สุด จะทำให้ลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน รวมถึงมลพิษก็จะลดลง และที่สำคัญพลังงานที่นำเข้าอย่างน้ำมันก็จะลดลงด้วย ดังนั้นจึงไม่ควรมองเฉพาะผลตอบแทนทางการเงินแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะรัฐต้องเข้าใจว่าแม้จะขาดทุนทางการเงิน เพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงได้อย่างสะดวกแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เป็นผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ มีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก”น.ต.ศิธากล่าว

น.ต.ศิธา กล่าวเสริมอีกว่าวิธีคิดของขนส่งสาธารณะระบบรางทั่วโลก คือประชาชนทุกระดับต้องสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกมากที่สุดตามค่าแรงขั้นต่ำ เพราะการก่อเกิดของรถไฟฟ้าไทยก็ใช้วิธีคิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในการดำเนินโครงการเหมือนกัน ตามชื่อขององค์กรคือ “การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสาธารณะ” แต่ทำไปทำมามวลชนที่เป็นคนส่วนใหญ่ตามชื่อองค์กรกลับไม่ได้ใช้บริการ แต่กลับเป็นคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น กลายเป็นมาเน้นผลตอบแทนทางการเงิน มากกว่าผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีสถาบันการเมืองที่มีความจริงใจกับประชาชนอย่าง “ไทยสร้างไทย” ที่มีวิสัยทัศน์ เพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึง และสะดวกมากที่สุด เข้ามาดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน

“ในวันนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบจากมหาวิกฤตโรคระบาด ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลายกิจการปิดตัวลง ประชาชนจำนวนมากตกงาน และอีกหลายคนมีรายได้ไม่เพียงพอ ดังนั้นปัญหาด้านการเดินทางจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่พรรคไทยสร้างไทยให้ความสำคัญ ซึ่งผม และท่านประภัสร์จะมีการเปิดนโยบาย เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงการบริการรถไฟฟ้าอีกครั้งในเร็วๆนี้” น.ต.ศิธากล่าว

ทั้งนี้ การเดินทางด้วยการบริการสาธารณะ 3 ประเภท ประกอบด้วยรถไฟฟ้า ที่มีน.ต.ศิธา และนายประภัสร์ ร่วมเดินทางโดยเริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน – รฟท.(ดอนเมือง -บางซื่อ) ต่อด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน – รฟม.(บางซื่อ -สวนจตุจักร) ก่อนที่จะไปต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว – บีทีเอส(หมอชิต- อนุสาวรีย์ชัย) เพื่อเปรียบเทียบกับเวลาการเดินทาง และค่าโดยสารรถแท็กซี่ และรถเมล์สาธารณะสายจากสนามบินดอนเมือง ไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยรถไฟฟ้ามีค่าบริการรวมทั้งสิ้น 85 บาท/คน

ประเภทที่2 คือรถแท็กซี่ ที่มีนายรัฐภูมิ และนายปณิธาน ประจวบเหมาะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที มีค่าบริการรวมทั้งสิ้น 170 บาท

และประเภทที่3  รถเมล์สาธารณะ ที่มีนางสาวพัสวี ไกรเดชอุดมไพศาล และนายทวีชัย วงศ์ไพโรจน์กุล ใช้เวลาการเดินทางประมาณ  1 ชั่วโมง มีค่าบริการรวมทั้งสิ้น 30 บาท/คน