นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยม Home Isolation พร้อมชื่นชมความคืบหน้าการผลิตวัคซีน ChulaCov19 ของรพ.จุฬาฯ มั่นใจปีหน้าไทยมีวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาและผลิตในประเทศใช้เอง

ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม บริเวณชั้น 4 อาคาร ส.ธ. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และที่อาคารจุฬาพัฒน์ 14 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานเรื่องโควิด-19 ของกระทรวง อว. ดังนี้ (1) ระบบการดูแลและติดตามผู้ป่วยโควิด-19 ใน Home Isolation และ (2) การวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก  เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยและคณบดีคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ  พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ชื่นชมและขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ในการดูแลและติดตามผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งในระบบกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) การดูแลตนเองในระบบชุมชน (Community Isolation) รัฐบาลอยากเห็นภาพการจัดหาสถานที่ในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอย่างเพียงพอและพร้อมที่จะสนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มเห็นผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนมากกว่าผู้ติดเชื้อแล้วในแต่ละวัน นายกรัฐมนตรียังร่วมสอบถามอาการผู้ป่วยโควิด-19 ผ่านระบบระบบสุขภาพทางไกล (Telehealth)  ด้วยความห่วงใย และให้กำลังใจพร้อมอวยพรให้หายป่วยโดยเร็วจะได้กลับมาทำงานได้ตามปกติด้วย

จากนั้นรับฟังบรรยายสรุปการพัฒนาวัคซีน ChulaCov19 (ชนิด mRNA) โดย ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด -19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ  ซึ่งนายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมทีมแพทย์และนักวิจัยไทยที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาวัคซีน ChulaCov19 ทั้งนี้ รัฐบาลจะรับไปหารือถึง การดำเนินการของส่วนราชการในการขึ้นทะเบียนวัคซีนที่ชัดเจนโดยเร่งด่วนและต้องเป็นไปตามกฎหมายต่อไป

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังอาคารจุฬารัตน์ 14 เยี่ยมชมภายในบริเวณโรงงานผลิตวัคซีนจากพืช(ใบยา)   ซึ่งเป็นโรงงานต้นแบบการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุด้วยพืช ซึ่งเป็นความร่วมมือของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด  โดยกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสนใจและติดตามการพัฒนาวัคซีนของคนไทยที่มีความก้าวหน้า ถือเป็นความยอดเยี่ยมของบุคลากรทุกคน โดยคาดว่ากันยายนนี้จะมีการทดสอบกับมนุษย์  เชื่อว่าจะเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมเพื่อคนไทยจะได้รับวัคซีนที่ผลิตโดยคนไทยเพื่อคนไทย  โดยรัฐบาลพร้อมจัดเตรียมงบประมาณที่เพียงพอและให้มีการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นความคาดหวังว่าคนไทยจะได้รับวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีเตือนบุคลากรทุกคนให้ดูแลตนเอง จากสถานการณ์โควิด-19 ที่อยู่ในขณะนี้ อีกทั้ง ต้องไม่ท้อแท้ ร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคในวันนี้ โดยมองไปข้างหน้า มั่นใจว่า ไทยมีระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่งและสามารถรับมือกับโรคอุบัติใหม่ให้ได้ในอนาคต

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเผยว่า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความพอใจในการเดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานในส่วนของ อว. และ มหาวิทยาลัยในกำกับ รวมทั้งทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ในภาพรวม โดยให้ความสำคัญกับแนวทางการใช้เทคโนโลยีด้านดิจิตอลในการเสริมเรื่อง Home isolation ซึ่งจากการสอบถามผู้ป่วยก็ได้เห็นถึงความพึงพอใจของระบบ HI ช่วยลดภาระปัญหาในเรื่องของผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่มีที่แออัด ในส่วนของการพัฒนาวัคซีน ChulaCov19 (ชนิดmRNA) ขณะนี้ก็มีความก้าวหน้าไปมาก ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้ความสนับสนุนงบประมาณโดยตลอดตามขั้นตอน โดยในเดือนกันยายนมีความคืบหน้าจะมีการทดสอบในมนุษย์ และจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หากดำเนินการสำเร็จคาดภายในปีหน้าจะมีวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยเป็นของตนเองเช่นประเทศอื่น ซึ่งเป็นความหวังของประเทศและเชื่อมั่นว่าจะทำได้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลติดตามสถานการณ์ในช่วง Lock Down โดยขอให้ทุกคนดูแลตนเองให้ดีที่สุด รัฐบาลก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและไม่ท้อแท้เช่นกัน พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า วันนี้ต้องช่วยกันทำสถานการณ์ในประเทศให้เกิดความสงบ เรียบร้อย เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาโควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้