เลขาธิการสมช.ชี้แจงจำเป็นต้องขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อประสิทธิภาพการควบคุมโรคโควิด-19 โฆษก ศบค. อนุญาตชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม เดินทางเข้าไทย ต้องเข้าพื้นที่ State Quarantine ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด

วันที่ 20 ก.ค. 63 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นในการขยายการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ว่า ที่ประชุมได้รือกันถึงการควบคุมโรคและแพทย์ให้ความเห็นว่า ยังต้องการให้มีกฏหมายที่ครอบคลุมการบังคับใช้และเอื้อต่อการปฏิบัติหน้าที่ เพราะขณะนี้สถานการณ์ทั่วโลกยังคงรุนแรง และประเทศไทยก็มีความจำเป็นต้องเปิดประเทศมากขึ้น ทั้งการรับแรงงานต่างด้าว การเปิดให้ชาวต่างชาติบางกลุ่มเข้าประเทศ ซึ่งการดำเนินการต้องรักษาสมดุลระหว่างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการคมบคุมโรค โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่ยังไม่มีกฏหมายใดครอบคลุม จึงจำเป็นต้องต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ทั้งนี้มีแนวทางปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม โดยกำลังพิจารณาข้อดีของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาผนวกกับ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อเพื่อให้มีอำนาจใกล้เคียงกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อที่อนาคต จะได้ใช้ พ.ร.บ. ควบคุมโรคแค่ฉบับเดียว ซึ่งเน้นการควบคุมและการกักตัวผู้ที่เข้าประเทศทุกคน 14 วัน

เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ย้ำว่า จะไม่มีการห้ามการชุมนุมทางการเมือง และจะไม่บังคับใช้มาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ห้ามการชุมนุม แต่ฝากผู้ชุมนุมอย่าลืมปฏิบัติตามกฎและมาตรการป้องกันโรค ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ให้ว่ากันไปตามกฎหมายที่เกิดขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับตำรวจในการแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมาย

 

นายแพทย์ทวีศิลป์  วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า การอนุญาตชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม ให้สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ได้แก่

  1. กลุ่มของชาวต่างชาติเพื่อการแสดงสินค้าในราชอาณาจักร
  2. อนุญาตการถ่ายทำภาพยนตร์ในราชอาณาจักร
  3. กลุ่มแรงงาน 3 สัญชาติ
  4. กลุ่ม Medical Wellness โดยกลุ่มดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด รวมทั้งการเข้าพื้นที่ State Quarantine เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ขณะที่ในส่วนของพื้นที่ State Quarantine ได้มีการจัดหาเพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอรองรับสำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศ

โฆษก ศบค. ยังชี้แจงเพิ่มเติมถึงมาตรการกักตัวของนักการทูตที่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยว่า ได้ขอความร่วมมือกระทรวงการต่างประเทศในการประสานงานไปยังสถานทูต เพื่อให้บุคคลกลุ่มดังกล่าวที่มีความประสงค์ในการเดินทางกลับมายังประเทศไทย เข้าพื้นที่ State Quarantine หรือ Alternative State Quarantine รวมทั้งให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ และเกิดความปลอดภัยแก่ประชาชน