อดีตคณบดีศึกษาศาสตร์ห่วงสังคมไทยด้อยค่าด่าทอคนอื่น ละเมิดสิทธิ์โดยขาดความรับผิดชอบ เป็นอุปสรรคต่อการแก้สถานการณ์วิกฤต วอนคนไทยรวมมือกอบกู้ เชื่อจะผ่านพ้นไปได้ และนำความเจริญก้าวหน้ามาสู่ประเทศชาติ

รศ.ดร.ประพันธ์ศิริ  สุเสารัจ อดีตคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้แสดงความเห็นสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันโดยขอสื่อสารในฐานะเป็นครู ขอพูดบ้าง พยายามชี้ให้เห็นถึงคนแต่ละคนมีความรู้ความสามารถในตัวที่เป็นเลิศ และแตกต่างกัน  ในบางสถานการณ์ต้องการความรู้ความคิดเห็นของคนทุกคนที่แตกต่างกันนั้นมาแก้ไขปัญหา แต่ในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะในวิกฤติการณ์บางอย่าง เช่นการดับไฟโรงงานสารเคมีระเบิด หรือการระบาดของไวรัส โควิด จำเป็นต้องใช้คนที่มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เฉพาะทางจริงๆ จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนอื่นก็ควรแต่เพียงเป็นฝ่ายสนับสนุนและเป็นผู้ปฏิบัติตามเท่านั้น

 แต่ปัญหาของประเทศไทยก็คือ ยังมีคนทำงานที่มีความรู้ความสามารถไม่พอและไม่ตรงกับงาน และที่สำคัญคือ ประชาชนคนทั่วไปเข้าใจว่า ประชาธิปไตยคือ การแสดงความรู้ความคิดเห็นได้ทุกเรื่อง โดยที่อาจไม่มีความรู้ ความเข้าใจหรือมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ ดีพอ ทั้งยังมีการไปละเมิดสิทธิ์ของคนอื่นทั้งพฤติกรรมและวาจา ด่าทอคนอื่นให้เสียหาย

จึงทำให้หลายคน หลายสาขาอาชีพต่างออกมาแสดงความรู้ความคิดเห็นในเรื่องที่ตนเองไม่มีความรู้ ประสบการณ์ที่ดีพอ ทั้งยังออกมาช่วยแก้ปัญหาผิดวิธีและด้อยค่าคนเห็นต่างได้หมด ด้อยค่าแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญตัวจริงๆ และแสดงความคิดที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมด้วยความไม่รู้และไม่ได้คิด บางคนก็มีอคติแอบแฝง และมองทุกอย่างในแง่ลบ ดังนั้นเราจึงเห็นการแก้ไขปัญหาได้ช้า ไม่ตรงจุดและเกิดกระแสความเชื่อ เกิดความคิดของคนในสังคมที่ไม่ถูกต้อง สังคมจึงขาดวินัย ไร้ระเบียบ ไร้วุฒิภาวะทางสังคม ไร้วุฒิภาวะทางวิชาการ ไร้มารยาทในการปฏิบัติต่อคนอื่น เช่น การตัดสินใจไม่ยอมฉีดวัคซีนไวรัส  การใช้น้ำดับสารเคมี การด้อยค่าวัคซีนซิโนแวค ทั้งๆที่ WHO ให้การรับรองแล้ว การเสียดสีด่าทอคนคิดเห็นต่างด้วยถ้อยคำหยาบคายและรุนแรง การล้อเลียนคนอื่นเห็นเป็นเรื่องขบขัน  ขาดคารวะธรรม สามัคคีธรรมและปัญญาธรรม อันเป็นหลักการสำคัญของประชาธิปไตย

สิ่งเหล่านี้ เป็นกันทุกระดับ ไม่เว้นแต่ผู้ที่มีการศึกษาสูงหรือมีสถานะทางสังคมที่สูงแบบเหลือเชื่อมาก    หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปจะนำพาให้ประเทศพบกับความเดือดร้อน วุ่นวาย ไม่รู้จบ ไม่สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาได้อย่างสะดวก รวดเร็ว  ในไม่ช้า ประเทศ ชาติอาจจะเข้าสู่ภาวะการจลาจล มีแต่ความเดือดร้อน วุ่นวาย ไร้ระเบียบ ความหายนะจะมาถึงในเร็ววัน

 ยิ่งในสถานการณ์วิกฤติแบบนี้ ในท่ามกลางวิกฤติการณ์โควิดครั้งนี้ ในฐานะครู ขอเป็นผู้สนับสนุนและจะขอเป็นผู้ตามที่ดี

โดยเชื่อว่าหากคนไทยหันมาร่วมมือช่วยกันกอบกู้สถานการณ์วิกฤตตามบทบาทหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ช่วยกันรักษาระเบียบวินัย เชื่อฟังผู้เชี่ยวชาญวิชาชีพเฉพาะทาง ปฏิบัติตนเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี รู้จักร่วมมือ รู้รักสามัคคี ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ด้อยค่าคนอื่น ไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ เราคงจะเห็นสังคมไทยที่สงบสุข ผ่านพ้นปัญหาและวิกฤติการณ์ไปด้วยดี   ผู้คนมีแต่ความเบิกบาน ประเทศชาติมีแต่ความเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว อย่างแน่นอน

ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ  อดีตคณะคณบดีศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ      8 ก.ค. 2564