2 สมาคมนักข่าวฯ เซ็น MOU “สภาทนายความฯ” ความช่วยเหลือด้านคดีและงานวิชาการ

ที่สภาทนายความ มีพิธีลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ” หรือ MOU เรื่อง การรับความช่วยเหลือด้านการดำเนินอรรถคดีและการส่งเสริมทางวิชาการ” ระหว่าง สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

ว่าที่ร้อยตรี ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ กล่าวว่า สภาทนายความมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในการลงนามครั้งนี้กับ 2 สมาคมนักข่าวฯ ในครั้งนี้ ในการช่วยเหลือในด้านคดีความและงานด้านวิชาการให้กับสื่อมวลชน เพราะถือเป็นภารกิจของสภาทนายความในการบริการด้านกฎหมายให้กับสังคมและประชาชน

“สภาทนายความยินดีกับความร่วมมือครั้งนี้ และยินดีที่จะสัมมนาให้ความรู้สื่อมวลชน พร้อมกันนี้ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวสารอย่างรอบด้าน มากกว่าความรวดเร็ว ที่อาจจะมีปัญหาได้” นายกสภาทนายความ

ด้านนายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงนามร่วมกันครั้งนี้เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ช่วยให้สื่อมวลชนทำงานอย่างอุ่นใจ ซึ่งหมายถึงการมีคำปรึกษาด้านกฎหมายให้กับสื่อมวลชนในการทำหน้าที่ ที่นำเสนอข่าวหลักเสรีภาพบนความรับผิดชอบ มีความถูกต้อง ครบถ้วนรอบด้าน ปราศจากอคติ

“สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอบคุณสภาทนายความสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ และหวังว่าจะได้มีความสัมพันธ์และกิจกรรมความร่วมมือด้านอื่นๆต่อไปในอนาคต”

นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี    ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ กล่าวตอนหนึ่งในฐานะสักขีพยานในการลงนามว่า ความร่วมมือร่วมกับสภาทนายความเกิดขึ้นในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จึงมีความยินดีที่ความร่วมมือนี้ยังคงอยู่และดำเนินไปด้วยดีเสมอมา ซึ่งถือเป็นสิทธิ์หนึ่งของสื่อมวลชนที่แม้ว่าจะนำเสนอข่าวถูกต้อง ครบถ้วนรอบด้านตามหลักจริยธรรมวิชาชีพแล้วก็ตาม แต่ฝ่ายที่ถูกนำเสนอข่าวก็มีสิทธิ์ในด้านกฎหมายดำเนินคดีกับสื่อมวลชนได้ เอ็มโอยูนี้จึงจะช่วยให้สื่อมวลชนมีช่องทางในการช่วยเหลือด้านคดีความ

“อย่างไรก็ตามองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน มีสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ เป็นองค์กรที่กำกับดูแลสื่อมวลชน รวมทั้งสมาคมนักข่าวทั้ง 2 สมาคม ก็มีกรรมการจริยธรรม ช่วยตรวจสอบจริยธรรมของสื่อมวลชนอีกชั้นในระบบการควบคุมกันเองด้วย เพื่อกลั่นกรองเรื่องก่อนที่จะมาถึงสภาทนายความฯ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่ร่วมพิธีลงนามใน MOU ประกอบด้วย ว่าที่ร้อยตรี ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ นายทัศไนย ไชยแขวง อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ นายสมศักดิ์ อัจจิกุล นายทะเบียน/กรรมการประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่

นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ นายสุปัน รักเชื้อ ประธาน สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการและประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายและสิทธิ์สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

ในส่วนของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ประกอบด้วย นายมงคล บางประภา นายกสมาคม นายธีรนัย จารุวัสตร์  อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ นายจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง เลขาธิการ  นายชำนาญ ไชยศร รองเลขาธิการฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคม

และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มี นายอิทธิพันธ์ บัวทอง นายทะเบียนสมาคม ในฐานะผู้แทนนายกสมาคมฯ

บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การรับความช่วยเหลือด้านการดำเนินอรรถคดีและการส่งเสริมทางวิชาการ

ระหว่าง สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

_____________________________________________

บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่องการรับความช่วยเหลือ ด้านการดำเนินอรรถคดีและการส่งเสริมทางวิชาการฉบับนี้ จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๔ ที่สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระหว่างสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์กับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย 

 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมมือ ประสานงาน ส่งเสริมและช่วยเหลือสื่อมวลชนที่ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ ในการดำเนินคดีตามกฎหมายและการร่วมมือทางวิชาการ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่หวั่นกลัวต่อการคุกคามสิทธิและปราศจากความวิตกต่อการปฏิบัติงาน

เจตนารมณ์ของความร่วมมือ

สื่อมวลชนมีหน้าที่ในการนำเสนอข้อเท็จจริง ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม สะท้อนภาพที่แท้จริงแก่ประชาชน เพื่อช่วยในการคิดและตัดสินใจต่อการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง บางกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนโดยสุจริต อาจไปกระทบหรือโต้แย้งต่อสิทธิบุคคลหรือองค์กรอื่นที่สูญเสียผลประโยชน์ อาจทำให้เกิดการแทรกแซง ถูกคุกคาม ข่มขู่ อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรืออาจใช้ช่องทางกระบวนการยุติธรรมฟ้องร้องสื่อมวลชนให้หยุดการเสนอข่าว หรือฟ้องคดีเพื่อข่มขู่ตัวผู้สื่อข่าวหรือบุคคลในกองบรรณาธิการข่าวให้เกิดความกลัว ให้หยุดหรือชะลอการเสนอข่าว หรือเสนอให้เบาลงหรือบิดเบือนไป หรือในอีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวอาจได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ จนนำไปสู่ปัญหาคดีแรงงาน คดีลิขสิทธิ์ คดีปกครองฯลฯ 

เมื่อเขาเหล่านั้นถูกดำเนินคดี ก็ย่อมเกิดความวิตกกังวล เรื่องการคิดต่อสู้คดี การเตรียมคดี ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี โทษที่อาจจะได้รับฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางสำนักงานสื่อฯ อาจปล่อยปละให้ผู้สื่อข่าวดำเนินคดีโดยลำพัง หรือเกิดคดีความเมื่อถูกเลิกจ้างไปแล้วโดยไม่มีรายได้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน จนอาจส่งผลกระทบไปยังเพื่อนร่วมวิชาชีพ ให้หวั่นวิตกถึงอนาคตการทำงานตามไปด้วย 

 ดังนั้นความร่วมมือระหว่างสามองค์กรในครั้งนี้ จึงมีเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทุกตำแหน่งที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต แต่ถูกดำเนินคดีในชั้นสอบสวน ในชั้นศาล ในทุกกฎหมาย รวมทั้งคดีที่เกี่ยวพันกัน นอกจากนี้ องค์กรทั้งสามยังต้องร่วมมือแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการร่วมกันอีกด้วย

สาระสำคัญของความร่วมมือมีดังนี้

ข้อ ๑ ช่วยเหลือผู้ประกอบวิชาชีพนักข่าว นักหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุและโทรทัศน์ เมื่อถูกดำเนินคดีอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต รวมถึงคดีเกี่ยวพันกับการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้เปล่าตลอดทุกชั้นศาล ยกเว้นการเสียค่าธรรมเนียมศาล ค่าฤชาธรรมเนียมต่างๆ ทั้งนี้ โดยผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่สมาคมนักข่าวฯ แต่งตั้งขึ้น

ข้อ ๒ ช่วยเหลือ สนับสนุนด้านการดำเนินคดี เมื่อผู้ประกอบวิชาชีพนักข่าว นักหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุและโทรทัศน์ เป็นผู้กล่าวหา หรือเป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่ง อาญา ปกครอง โดยให้เปล่าตลอดในชั้นสอบสวน ทุกชั้นศาล ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล ค่าฤชาธรรมเนียมต่างๆ ทั้งนี้โดยผ่านการพิจารณาและการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่สมาคมนักข่าวฯ แต่งตั้งขึ้น

ข้อ ๓ สนับสนุนด้านการให้ความรู้ทางกฎหมายแก่สื่อมวลชน

ข้อ ๔ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนทางวิชาการและการประชาสัมพันธ์ด้านกิจกรรมต่างๆระหว่างสภาทนายความ                       ในพระบรมราชูปถัมภ์กับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

 บันทึกข้อตกลงร่วมกันฉบับนี้ จัดทำขึ้น ๓ ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน แต่ละฝ่ายอ่านแล้วเข้าใจตามข้อตกลง         และรายละเอียดแล้ว จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญต่อหน้าพยาน และต่างยึดถือไว้ฝ่ายละ ๑ ฉบับ โดยบันทึกข้อตกลงนี้มีกำหนดระยะเวลา ๔ ปี เริ่มเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๔ สิ้นสุดวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๘

ลงนาม ณ วันที่  ๑๕  ตุลาคม  พ.ศ. ๒๕๖๔

  ลงนาม…………………………………………….      ลงนาม………………………………………..

          (ว่าที่ร้อยตรี ดร.ถวัลย์ รุยาพร)           (นายมงคล  บางประภา)

               นายกสภาทนายความ            นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

 ลงนาม……………………………………………       ลงนาม……………………………………………

           (นายทัศไนย  ไชยแขวง)          (นายอิทธิพันธ์  บัวทอง)

           อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ     กรรมการบริหารสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

ลงนาม………………………………………………   ลงนาม……………………………………….

      (นายสมศักดิ์  อัจจิกุล)                                  (นายธีรนัย จารุวัสตร์)

     นายทะเบียน/กรรมการประชาสัมพันธ์   อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ                                                                   

                        พยาน                 พยาน